สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา (14 พฤษภาคม) ทาง Netflix ได้ปล่อยหนังแนวจิตวิทยาฆาตกรรม และสืบสวน ที่มีนักแสดงนำมากความสามารถ และเพิ่งได้ัรับชื่อเสียงจากซีรีส์ชุดแนวเดียวกันอย่าง Amy Adam ในครั้งนี้เธอกลับมารับหน้าที่เป็นตัวดำเนินเรื่องอีกครั้งกับ “The Woman in the Window” ในวันนี้ Clubsister จะมาวิเคราะห์และรีวิวแบบเจาะลึกกับหนังที่น่าจับตามองเรื่องนี้กัน อย่ารอช้าไปเริ่มกันเลยค่า
รีวิวแบบเจาะลึก ” The Woman in the Window ” หนังจิตวิทยาฆาตกรรม
ที่มาและเรื่องย่อ:
The Woman in the Window เป็นภาพยนตร์แนว Psychology, Thriller โดยผู้สร้างคือ 20th Century จับมือร่วมสร้างกับ Original Netflix ซึ่งมีแรงบันดาลใจ มาจากนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อดังจากปลายปากกาของ A.J. FINN นักเขียนแนวนิยายแนว Psycho, Thriller ที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่ง โดยนิยายเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งนิยายที่น่าติดตามไม่แพ้กับเรื่องไหน เพราะ Stephen King นักเขียนผู้มีชื่อเสียงและเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการนิยาย Thriller เคยเอ่ยปากชมว่า “Unputdownable”
นอกจาก Stephen King แล้ว ยังได้รับคำชมจากคนในวงการนิยายอีกมากมาย อาทิเช่น
Gillian Flynn เจ้าของเรื่อง Sharp Objects ให้คำนิยายหนังสือเล่มนี้ว่า “Astounding, Thrilling, Amazing” ได้รับคำชมพร้อมคำนิยามที่แค่อ่านก็ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นแล้วว่า ทำไมนิยาย Thiller น้องใหม่เล่มนี้ถึงได้คำชมล้ำหลามขนาดนี้
โดยเรื่องราวของ The Woman in the Window ทั้งจากหนังสือและหนังนั้น มีเรื่องราวที่เหมือนกัน พูดถึง Anna Fox จิตแพทย์เด็กที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชอย่าง Agoraphobic (โรคกลัวชุมชน) และติดเหล้า เธออาศัยในบ้านพักกลางแมนฮัตตัน พร้อมปล่อยให้เช่าห้องใต้ดินกับเพื่อนบ้านร่วมชายคาเดียวกันอย่าง David ด้วยโรคที่เธอเป็นทำให้เธอไม่สามารถก้าวเท้าออกจากบ้านของเธอได้เลย ดังนั้นกิจวัตรประจำวันและงานอดิเรกของเธอส่วนใหญ่ ล้วนหมกตัวอยู่แต่ในห้องและในบ้านของเธอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นทำให้เธอเริ่มเบื่อกับชีวิตในห้อง สิ่งที่ทำได้คงหนีไม่พ้นการสอดรู้สอดเห็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่แก๊งค์เคร่งศาสนา เพื่อนบ้านที่เพิ่งขายบ้านไป หรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาใหม่ ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอได้รู้จักกับครอบครัวรัสเซลล์โดยไม่รู้ตัว ในคืนวันฮาโลวีนเธอถูกเด็กๆ ที่มาขอขนมและลูกกวาดโจมตีหน้าบ้านของเธอ อย่างการปาไข่ การทุบหน้าต่าง และตะโกนโวยวาย เพื่อให้เธอออกมาจากบ้าน และเด็กๆ เหล่านั้นก็ทำสำเร็จ Anna กัดฟันเพื่อจะเปิดประตูขอร้องให้เด็กๆ เหล่านั้นออกไปจากบ้านของเธอ แต่ทว่าเมื่อประตูเปิดออก เธอกลับล้มลงและเป็นบมหมดสติไป
ครั้งเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องรับแขกในบ้าน พร้อมหญิงสาวคนสวยอย่างคุณนายรัสเซลล์ นั่นทำให้เธอได้มีโอกาสสนทนา พูดคุย และจิบไวน์กันสักครู่หนึ่ง วันเวลาผ่านไปในขณะที่ Anna กำลังทำกิจวัตรของเธอโดยปกติ อยู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากบ้านรัสเซลล์ เธอจึงตัดสินใจจับตาดูครอบครัวนี้อยู่บ่อยครั้ง ในวันหนึ่งเธอก็ดันไปเจอฉากฆาตกรรมขึ้น เธอจึงรีบก้าวเท้าออกจากบ้านเพื่อจะไปช่วยคุณนายรัสเซลล์แต่ก็ไม่ทันการเธอหมดสติไปเหมือนเช่นเคย เมื่อตำรวจมาถึงเธอรีบบอกสิ่งที่เธอเจอให้กับตำรวจ
แต่ทว่าเรื่องมันไม่เป็นแบบนั้น ตำรวจแจ้งว่าครอบครัวรัสเซลล์ยังปกติและอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
และคุณนายรัสเซลล์ก็ยังไม่ได้โดนแทงหรือโดนฆ่าแต่อย่างนั้น เพราะเหตุนี้ทำให้ Anna หมกหมุ่นอยู่กับการค้นหาความจริงของเรื่องเพื่อนบ้าน และสิ่งที่เธอพบเห็นในคืนวันนั้น
ตัวละครสำคัญในเรื่อง:
ตัวละครที่ 1: Anna Fox แสดงนำโดย Amy Adams
ภาพยนตร์แนวจิตวิทยาระทึกขวัญเรื่องนี้ จะไม่สมบูรณ์เลย หากขาดนักแสดงนำผู้มากความสามารถ ที่เคยได้รับรางวัลจากเวที Emmy Awards จากซีรีส์ชุดแนวเดียวกันอย่างเรื่อง Sharp Objects ของ Amy Adam ในครั้งนี้เธอกลับมาเป็นนักแสดงนำของเรื่องและแบกรับอารมณ์ต่างๆ มากมายอย่าง Anna Fox จิตแพทย์เด็ก ที่ป่วยด้วยโรค Agoraphobic
ด้วยสาเหตุและรอยแผลในอดีตที่ทำให้เธอไม่กล้าย่างเท้าออกไปข้างนอก ทำให้เธอหมกตัวอยู่แต่ในบ้านและมีภาวะติดเหล้าด้วย บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าจับตามองเป็นที่สุด สิ่งที่น่าประทับใจของ Amy Adams เลยนั้น คงหนีไม่พ้นการแสดงที่เหมือนแบกรับอารมณ์และความรู้สึกของหนังเรื่องนี้ไว้ตลอดเวลา
ตัวละครที่ 2: Ethan Russell แสดงนำโดย Fred Hechinger
เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เรียกได้ว่าน่าจับตามองไม่แพ้กันอย่าง Ethan Russell ลูกชายของบ้านรัสเซลล์ ที่ในวันที่เขาย้ายเข้ามาบ้านนั้น เขาได้เอาเครื่องหอมมาฝากบ้าน Anna เพื่อเป็นการผูกสัมพันธไมตรีกับเพื่อนบ้านใหม่ และด้วยพฤติกรรมไร้เดียงสา ดูอ่อนต่อโลกของเขา ทำให้ Anna ค้นพบความรู้สึกและพฤติกรรมอะไรบางอย่างจากตัวของอีธาน
ตัวละครที่ 3: Jane Russell แสดงนำโดย Julianne Moore
ตัวละครสำคัญผู้ก่อให้เกิดเรื่องราวสุดสะพรึงและสร้างความน่าตกใจให้กับ Anna คุณนายรัสเซลล์ ที่โผเข้ามาช่วยเธอไว้ในคืนฮัลโลวีน เรื่องราวของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยปริศนาและน่าลึกลับเป็นที่สุด
เอาละก่อนที่จะไปเริ่มดูความคิดเห็นจากนักเขียน เราขออธิบายที่มาที่ไปของโรค Agoraphobic หรือ โรคกลัวชุมชนกันก่อน โดย Agoraphobic นี้ถูกระบุเป็นโรคหนึ่งในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้จะมีอาการ หวาดกลัว ขาดสติและควบคุมพฤติกรรมตนเองไม่ได้ในขณะที่อยู่ในที่ชุมชนหรือเจอผู้คน ขาดสติ หัวใจเต้นเร็ว แพนิค มือเท้าอ่อนแรง หรือหนักสุดคือเป็นลมหมดสติได้เช่นกัน ไม่เพียงแค่นั้นผู้ที่ป่วยด้วยโรคเหล่านี้จะมีอาการกลัวที่แคบอย่างในรถหรือลิฟต์ กลัวการพูดคุยกับผู้อื่นหลายคน มีอาการซึมเศร้าร่วมด้วยเช่นกัน
โดยที่มาของโรคนั้นทางการแพทย์ไม่สามารถระบุที่มาอย่างชัดเจนได้ แต่คาดว่าเกิดจากบาดแผลหรือเหตุการณ์ในอดีตอย่างการสูญเสีย, ความรุนแรง รวมถึงการถูกล่วงละเมิดต่าง พันธุกรรม และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยในละแวกนั้นมีผลทำให้เกิดโรคนี้ด้วยเช่นกัน
บทวิเคราะห์และรีวิวแบบเจาะลึก:
จบกันไปกับการทำความรู้จักโรค Agoraphobic กันแล้ว ตอนนี้เข้าสู่การรีวิวและวิเคราะห์ The Woman in the Window แบบเจาะลึกกันค่า ก่อนอื่นเลยเราขอสารภาพก่อนว่าหากให้คะแนนความสนุกของเรื่องนี้ ส่วนตัวเราคงให้ 3 / 5 หากเมื่อเทียบกับความสนุกของหนังสือที่อ่าน หากสาวๆ คนไหนที่เคยดูหนังการเล่าเรื่องผ่านหน้าต่างอย่าง Rear Window หรือ Disturbia มาก่อนจะรู้เลยว่า วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ จะมีความลุ้นและมีความสนุกของเรื่องอย่างหนึ่ง
แต่สำหรับเรื่องนี้ ส่วนตัวเรารู้สึกว่าหนังสามารถเล่าให้สนุกได้กว่านี้ ลุ้นได้กว่านี้ แต่ในเรื่องนี้มันนิ่งมาก จนทำให้กลบการแสดงของ Amy ไปเลย แต่! ใช่ว่ามันจะไม่สนุกเลย เพราะความสนุกของเรื่องมันดันโผล่มาตอน 25 นาทีสุดท้าย ถึงแม้ภาพรวมของเรื่องจะไม่ได้ลุ้นหรือสนุกได้เท่ากับในหนังสือ แต่! ก็ใช่ว่าจะไม่มีความน่าประทับใจหลงเหลืออยู่เลย สิ่งที่น่าประทับในอย่างแรกของหนังคือ โทนสีของภาพ ในช่วงแรกหนังคุมโทนสีออกมาได้อย่างดี ทำให้ Reflect ถึงสภาพจิตใจของตัวละครหลัก อย่าง Anna ได้ดีเลยทีเดียว โทนสีมีความขมุกขมัว ทึบ และอมเทาแทบตลอดทั้งเรื่อง
มีการเล่นภาพแบบ 2 Windows หรือการเล่าเรื่องผ่านกรอบหน้าต่าง 2 ด้าน เป็นเหมือนการสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เราเห็นและสิ่งที่ตัวละครให้เรื่องเห็น ด้วยมุมกล้องเหล่านี้ ทำให้เราสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของความเป็นจิตวิทยาหรือความประสาทหลอน เรื่องจริงกับสิ่งที่เห็นต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากเฟรมแบบนี้ที่เห็นอยู่บ่อยๆ แล้วนั้น สิ่งที่หนังพยายามสื่อให้เห็นถึงความเป็นผู้ป่วยจิตเวช ความซับซ้อนของ Psycho ต่างๆ ผ่านภาพ BG ของเรื่อง อีกด้วย แต่ก็ยังน่าเสียดาย ที่ส่วนประกอบเหล่านี้อาจช่วยให้เราเข้าใจบทและความเป็นไปของเรื่อง แต่ไม่ได้ช่วยให้ความลุ้นระทึกของหนังหรือความสนุกเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แต่เอาเป็นว่าโดยรวมการแสดงและการเล่าเรื่องก็ดีอยู่เหมือนกัน
สุกท้ายหากใครที่ชอบและสนใจหนังแนวจิตวิทยาระทึกขวัญเราก็ยังอยากแนะนำเรื่องนี้ The Woman in the Window (คลิกเพื่อรับชม) ลองหาเวลาว่างๆ นั่งดูก็ลุ้นๆ เล็กน้อยไปอีกแบบค่า อย่างไรขอขอบคุณที่ตามอ่านกันมาจนถึงตรงนี้ และพบกันใหม่กับบทความหน้า บ๊ายบายค่า
Photo Credits:
Stay connected