สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ส่วนใหญ่เรามักเห็นเพจดังหรือเว็ปไซต์ต่างๆ รีวิวซีรีส์ต่างชาติทางฝั่งตะวันตกบ้าง หรือแม้กระทั่งซีรีส์เกาหลีที่เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คน แต่จะมีบ้างไหม ที่รีวิวซีรีส์ไทย ด้วยเหตุนีทำให้เราเองเกิดไอเดียอยากจะนำเสนอซีรีส์ไทย ที่บอกเลยว่ามีดีไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยทีเดียว กับ “5 ซีรีส์ไทย ต้องดู ” เกิดมาทั้งที ต้องดูให้ได้สักครั้ง งั้นอย่ารอช้ามาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ไปเริ่มกันเลยค่า ..
“5 ซีรีส์ไทย ต้องดู ” เกิดมาทั้งที ต้องดูให้ได้สักครั้ง
เรื่องที่ 1: Hormones
ระยะเวลา: 3 ซีซั่น
ประเภท: Coming of Age, สะท้อนสังคม
ซีรีส์ไทย น่าดูเรื่องแรกบอกเลยว่าเป็นซีรีส์ไทยเรื่องแรกๆ ที่เปิดประสบการณ์ การนำเสนอเนื้อหา หรือซีส์ในรูปแบบนี้ ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปประมาณ 5 – 6 ปี เมื่อพูดชื่อบอกเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักกับ “Hormones วัยหว้าวุ่น” ซีรีส์ที่ตีแผ่และนำเสนอ พร้อมสะท้อนสังคมไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชีวิตวัยรุ่น ปัญหาสังคมที่วัยรุ่นไทยต้องเจอ รวมถึงเสียดสีระบอบการเรียนการสอนที่บอกเลยว่า “ทุกวันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไป”
ซึ่งพูดถึง ชีวิตของ “วิน หนุ่มสุดฮอตในโรงเรียน ที่ดีกรีเป็นเดือนโรงเรียน เรีนเก่ง กีฬาเด่น แต่เรื่องผู้หญิงก็ไม่ต่างกัน” “ขวัญ เด็กสาวที่เป็นเหมือนต้นแบบของเด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียน เธอไม่ได้แค่หน้าตาน่ารัก กิริยามารยาทเรียบร้อย เพียงอย่างเดียว แต่เธอยังฉลาดและเป็นขวัญใจของคนในโรงเรียนไม่เว้นแม้กระทั่งอาจารย์
แต่ใครจะไปรู้ละว่า เธอแบกรับปัญหาที่มีไว้ในใจด้วยเช่นกัน” “สไปร์ท เด็กสาวสุดแซ่บ และแสบที่สุดในโรงเรียน เธอเป็นคนสวยและป๊อปสุดๆ แต่ทว่ามาพร้อมฉายา สไปร์ทล่าแต้ม” โดยเนื้อเรื่องจะนำเสนอผ่านตัวละครต่างๆ ในเรื่องซึ่งบอกเลยว่า “ดีและเด็ดไม่แพ้ซีรีส์ต่างชาติแน่นอน”
เรื่องที่ 2: เลือดข้นคนจาง
ระยะเวลา: 1 ซีซั่น
ประเภท: สืบสวนสอบสวน, สะท้อนสังคม
และต่อมาเป็นซีรีส์ไทย น่าดู ที่สร้างเสียงฮือฮา และเรียกได้ว่าเป็นกระแสแบบสุดๆ ในชั่วขณะหนึ่ง เพราะเป็นซีรีส์ไทย แนวสืบสวนสอบสวน ที่ไม่ค่อยมีคนทำกัน แต่มากไปกว่านั้น ซีรีส์เรื่องนี้ยังสะท้อนสังคมและค่านิยมที่เหมือนปลูกฝังความเลหลื่อมล้ำ และไม่เท่าเทียมทางเพศอยู่กลายๆ กับเรื่อง “เลือดข้นคนจาง”
เรื่องราวพูดถึงครอบครัวจิระอนันต์ ตระกูลเชื้อสายจีน มีธุรกิจโรงแรมชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศและอยู่อาศัยกันเป็นครอบครัวใหญ่ ในวันหนึ่งเหล่าบรรดาลูกๆ ไม่ว่าจะเป็นประเสิฐ พี่ชายคนโตของบ้าน สุเมธ ลูกชายคนรอง ภัสสรลูกสาวคนรอง และ กรกันต์ลูกชายคนเล็กของบ้าน กำลังเตรียมตัวเพื่อฉลองวันเกิดให้กับอากงในบ้าน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีและเต็มไปด้วยความอบอุ่น
และหลังจากวันเกิดอากงเพียงไม่กี่วัน อากงก็เสีย เหมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านพังทลาย ความแตกร้าวเล็กๆ น้อยๆ ก็เริ่มเข้ามา เมื่อถึงวันเปิดพินัยกรรม ทุกคนในบ้านยกเว้นภัสสรได้หุ้นส่วนของโรงแรมกันทั้งหมด ทั้งที่ภัสสรเป็นคนดูแลและบริหารโรงแรมสาขาพัทยามาตั้งแต่ริเริ่ม
ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดความบาดหมางและไม่พอใจกันเกิดขึ้น ประจวบเหมาะในขณะที่ภัสสรทะเลาะกับประเสิฐและหวังที่จะเคลียร์กัน ภัสสรก็พบศพประเสิฐถูกยิงในบ้านตนเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้การตายของประเสิฐเป็นเหมือน การกระเทาะปัญหาและด้านมืดของคนในครอบครัวทีละเล็กละน้อย
เรื่องที่ 3: The Gifted
ระยะเวลา: 2 ซีซั่น
ประเภท: สืบสวนสอบสวน, สะท้อนสังคม
ซีรีส์ไทย น่าดู เรื่องถัดมาเป็นอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเสียเท่าไร แต่บอกเลยว่า “ดีกว่าที่คิด” The Gifted เป็นซีรีส์ที่ถูกสร้างขึ้นจากบทละครสั้นที่ใช้ชื่อเรื่องเดียวกัน และนิยาย The Gifted ภารกิจลับ นักเรียนพลังกิฟต์ เขียนโดย SandOtnim
เป็นซีรีส์ที่สะท้อนปัญหาสังคม ค่านิยมและระบอบการศึกษาได้เฉียบขาด “บ่อยครั้งที่โรงเรียนมักให้ความสำคัญที่ผลการเรียน เด็กเก่ง และประสิทธิภาพของระดับการศึกษา แต่ไม่คำนึงถึงจิตใจและความเท่าเทียมของเด็กที่ควรจะได้รับ”
The Gifted เป็นเรื่องราวของโรงเรียนชื่อดัง ที่ไม่ว่าผู้ปกครองคนไหนจะต้องรู้จักและอยากให้ลูกหลานตนเองเข้าที่โรเงรียนนี้ “โรงเรียนฤทธาวิทยาคม” ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีระบบการคัดเลือกเด็กนักเยนด้วยผลการเรียนและคะแนนสอบ หากให้เข้าห้องเรียนอันดับต้นๆ ได้ก็จะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าห้องอันดับท้ายๆ และนอกเหนือจากห้องอันดับต้นๆ อย่างที่หนึ่งแล้ว ยังมีห้องเรียนที่เหลือกว่านั้น นั่นก็คือห้องเด็กกิฟท์
เรื่องที่ 4: แปลรักฉันด้วยใจเธอ
ระยะเวลา: 2 ซีซั่น
ประเภท: ดราม่า, Coming of Age, สะท้อนสังคม
ซีรีส์ไทย น่าดูเรื่องถัดมาบอกเลยว่าสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปไกลถึงประเทศจีน ไม่เพียงแค่นั้นเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่น้ำดีอีกหนึ่งเรื่อง ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องหรือความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่รวมเอาการถ่ายทอดศิลปะการถ่ายทำ การตีความเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีกับเรื่อง “แปลรักฉันด้วยใจเธอ”
ซีรีส์วาย ที่ไม่ได้มีดีแค่ความฟินของคู่ แต่เป็นซีรีส์สะท้อนให้เห็นถึง Coming of Age (การก้าวผ่านวัย), การสะท้อนค่านิยมเรื่องการแสดงออกทางเพศของวัยรุ่น และปัญหาวัยรุ่นที่จะต้องเจอ โดยเนื้อเรื่องพูดถึงเด็กชายที่เป็นเพื่อนสนิท 2 คนอย่าง โอ้เอ๋ว กับ เต๋ อาศัยอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต
ทั้งคู่เป็นเด็กชายธรรมดาที่มีความฝันอยากจะเป็นนักแสดงด้วยกัน แต่ด้วยปัญหาเรื่องความคิดและความไม่เข้าใจกัน ทำให้ทั้ง 2 คนต้องแยกย้ายและไม่คุยกันเป็นเวลาหลายปี
จนกระทั่งช่วงโค้งสุดท้ายของการเป็นนักเรียน ทั้งคู่ต้องเรียนพิเศษเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลั ทำให้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง และนี่คือจุดเริ่มต้นของความผูกพันที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตัดไม่ขาด
เรื่องที่ 5: Girl fron Nowhere
ระยะเวลา: 2 ซีซั่น
ประเภท: Coming of Age, สะท้อนสังคม
เอาละ และเราก็มาถึงซีรีส์ไทย น่าดูเรื่องสุดท้าย ที่บอกเลยว่าเราเป็นคนนึงที่เป็นแฟนคลับเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ onair ใน Netflix ด้วย Concept ของเรื่องที่เรียกได้ว่า สำหรับเราแล้วฉีกทุกกฏและแหกทุกค่านิยมของซีรีส์วัยรุ่นไทย ที่ไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องความรักในวัยเรียน แต่นำเอาปัญหา และคดีอาญชกรรมต่างๆ ที่พบเจอในรั้วโรงเรียนมานำเสนอให้เห็นสิ่งที่เด็กนักเรียนจะต้องเจอในโรงเรียน ที่เสมือนบ้านหลังที่ 2 อย่างเรื่อง “เด็กใหม่” หรือ “Girl from Nowhere”
เป็นซีรีส์ไทยแนว Horror, Fantasy ที่สะท้อนและเสียดสีสังคมขนาดเล็กให้เห็นถึงปัญหาของสังคมที่เป็นเหมือนที่บ่มเพาะอนาคตของชาติอย่าง “โรงเรียน” โดยพูดถึง “แนนโน๊ะ” เด็กใหม่น่าตาน่ารัก ย้ายเข้าไปในโรงเรียนต่างๆ แต่ทุกครั้งที่แนนโน๊ะ ย้ายไปเรียนที่ไหนก็ตาม ที่นั่นมักจะเจอเรื่องและปัญหาเสมอ
Photo Credits:
Stay connected