สวัสดีค่ะสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เมื่อต้นเดือนเราได้มีการติดตามอันดับยอดนิยมของ Netflix จนทำให้เราไปสะดุดกับซีรีส์เรื่องนึงเข้า จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากทำบทความนี้ขึ้น และนี่ก็คือ “5 ซีรีส์แนว Supernatural บน Netflix ที่สายแฟนตาซีไม่ควรพลาด” บอกเลยว่า 5 เรื่องที่เลือกมานี้ เด็ดๆ ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่นั้น ซีรีส์บางเรื่องยังเป็นระดับตำนานอีกด้วย อย่ารอช้า ไปเริ่มที่เรื่องแรกกันเลย
“5 ซีรีส์แนว Supernatural บน Netflix ที่สายแฟนตาซีไม่ควรพลาด”
เรื่องที่ 1: Fate: The Winx Saga (คลิกเพื่อรับชม)
จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่น
เฉลี่ยเวลาต่อตอน: 50 นาที
ซีรีส์แนว Supernatural เรื่องแรก เป็นซีรีส์ที่เป็นต้นไอเดีย ที่ทำให้เกิดบทความนี้ขึ้นมาเลยก็เป็นได้ โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็น 1 ใน ซีรีส์และหนังเข้าใหม่ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของซีรีส์และหนังยอดนิยมเลยทีเดียว โดยเรื่องนี้คือ “Fate: The Winx Saga” ซีรีส์แฟนตาซีแนว Supernataral ที่ถูกดัดแปลงและได้รับแรงบันดาลใจมาจาก การ์ตูนยอดฮิตขวัญเด็กๆ อย่าง Winx Club ที่พูดถึงเด็กสาวกลุ่มแฟรี่ หรือนางฟ้าที่มีความสามารถเป็นธาตุต่างๆ
โดยเรื่องราวในซีรีส์นั้น อาจมีความแตกต่างออกไปจากการ์ตูนอย่างสิ้นเชิง โดยพูดถึง ‘บลูม’ เด็กสาวผู้รักสันโดษ มีปัญหาการเข้าสังคม และไม่ค่อยไว้ใจผู้อื่น เธอแบกเอาความหลังอันเจ็บปวด และความรู้สึกผิดในใจของตัวเองตลอดเวลา จนกระทั่งเธอได้เข้าร่วมสถาบันอัลเฟีย ซึ่งเป็นสถาบันของเหล่าแฟลี่หรือผู้ที่ใช้พลังวิเศษได้ แต่ทว่าเรื่องราวต่างๆ และความหลังในอดีตของเธอเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ส่วนตัวเราเป็นคนนึงที่ไม่เคยดู ซีรีส์แนว Supernatural ในเวอร์ชั่นการ์ตูนมาก่อนเลย แต่ส่วนตัวชอบเวอร์ชั่นที่เป็นซีรีส์ด้วยความทิ้งปมและเรื่องราวต่างๆ ของตัวละคร ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้นอกจาก
ถ่ายทอดความเป็นแฟนตาซีแล้ว ยังสะท้อนความเป็น Coming-of-Age หรือการก้าวพ้นวัยจากวัยรุ่น สู่วัยผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนั้นยังสะท้อนแง่คิดเรื่องการเข้าใจและเคารพความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้อีก แน่นอนสิ่งที่ชอบและขาดไม่ได้เลยคือ ความอลังการของ CG และ Effect ต่างๆ ในเรื่อง เรียกได้ว่าสมจริง สวย สมจริงทุกซีนเลยก็ว่าได้
เรื่องที่ 2: The Originals (คลิกเพื่อรับชม)
จำนวนซีซั่น: 5 ซีซั่น
เฉลี่ยเวลาต่อตอน: 40 นาที
ถ้าพูดถึงซีรีส์แนว Supernatural ที่โด่งดังและเรียกได้ว่า ต้องติดโผในลิสต์อย่างแน่นอนคงหนีไม่พ้น Vampire’s Diary แต่ทว่าเหมือนตอนนี้ Netflix ได้นำซีรีส์เรื่องดังนี้ออกไปแล้ว (Search ไม่เจอแล้ว) แต่ยังเหลือเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนภาคต่อของซีรีส์ดังกล่าวเอาไว้กับ “The Originals”
เรื่องราวของต้นตระกูลแวมไพร์ที่มีเชื้อสายเก่าแก่ พวกเขามีร่างกายเป็นอมตะและอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 100 กว่าปี ความสัมพันธ์และความแน่นแฟ้นที่เคยมีเริ่มจางลงไป เพราะ ‘เคล้า ไมเคิลสัน’ ได้รู้ว่ามีใครบางคนจ้องทำร้ายใน ณ ที่เค้ากำลังเดินทางอยู่ที่เมือง Grench Quarter of New Orieans ดังนั้นเคล้า ไมเคิลสัน จึงตัดสินใจกลับไปที่ถิ่นฐานเดิมของตนเองเพื่อความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาต้องหาคำตอบให้ได้ว่าใครเป็นคนลอบทำร้ายเขาในวันนั้น
หากใครที่เคยดูเรื่อง Vampire’s Diary มาก่อนนั้น จะรู้ได้ทันทีว่าสเน่ห์ของเรื่องหลักๆ เลยคือ วิธีการเล่าเรื่อง รวมถึงการโยงใยปมและความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละคร เช่นเดียวกับซีรีส์แนว Supernatural เรื่องนี้ ที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายแบบเดิมเอาไว้ เพิ่มเติมคือ ใส่ความสืบสวนสอบสวน, ปมปริศนาและเงื่อนงำต่างๆ เข้าไปในเรื่อง ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามไม่แพ้กัน ไม่เพียงแค่นั้นยังมีความโรแมนติกสไตล์วินเทจเข้ามาอีกด้วย
เรื่องที่ 3: Teen Wolf (คลิกเพื่อรับชม)
จำนวนซีซั่น: 6 ซีซั่น
เฉลี่ยเวลาต่อตอน: 40 นาที
จากซีรีส์แนว Supernatural ตามที่สาวๆ เข้าใจอาจจะคิดว่ามีแค่แวมไพร์, แม่มด, พ่อแม่, อสูร หรือเหล่านางฟ้าอย่างเดียวหรือเปล่า แน่นอนเมื่อมีเรื่องราวของเหล่าแวมไพร์แล้ว จะต้องมีเรื่องราวของศัตรูคู่อาฆาต ของพวกเขาอย่างหมาป่าแน่นอนและเรื่องนี้ก็คือ “Teen Wolf” ซีรีส์แนวแฟนตาซี Supernatural ระดับตำนานอีกเรื่อง โดยเป็นเรื่องราวของ ‘สก็อต แมคเวลล์’ เด็กหนุ่มวัยมัธยมแทนธรรมดาคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กชายที่เป็นโรคหอบหืด ทำให้การหายใจและการใช้ชีวิตของเขายากลำบากในระดับหนึ่ง
อยู่มาวันหนึ่งในเมืองของเขามีข่าวที่ลือกระฉ่อนไปทั่วเมืองกับเหตุการณ์การตายของเด็กสาวคนหนึ่งที่ร่างกายถูกฉีกขาด ทำให้สก็อตเกิดความอยากอยู่อยากเห็น จึงเข้าไปหาความจริงในป่า แต่ทว่าเขาเกิดโดยหมาป่าร่างยักษ์กัดเข้าจนเกือบเอาชีวิตของตนไม่รอด และจากเหตุการณ์เฉียดตายในครั้งนั้น ทำให้เขาพบว่าอยู่ๆ ตนเองก็มีกำลังวังชามากกว่าปกติ เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ประสาทสัมผัสต่างๆ รับรู้ได้ดีมากกว่าเดิม และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สก็อตรู้ว่า เขากำลังกลายเป็นมนุษย์หมาป่า
ส่วนตัวเราคิดว่า ซีรีส์แนว Supernatural เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะว่าเรามักเห็นเรื่องราวความรักของคนกับแวมไพร์ เสียส่วนใหญ่ แต่ทว่าในเรื่องนี้ เป็นการสร้างเรื่องราวผมในอดีต และ เรื่องราวความรัก ระหว่างมนุษย์หมาป่าและนักล่าหมาป่า ซึ่งบอกได้เลยว่า ทำให้เราเรียนรู้ประวัติและความเชื่อของชาวยุโรปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้นเรายังเห็นเนื้อเรื่องแปลกใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม เรียกได้ว่าให้ความสนุกและตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องที่ 4: Sabrina (คลิกเพื่อรับชม)
จำนวนซีซั่น: 4 ซีซั่น
เฉลี่ยเวลาต่อนาที: 50 นาที
เข้าใกล้โค้งสุดท้ายเข้าไปทุกทีและ ซีรีส์แนว Supernatural อันดับท๊อปๆ ของ Netflix โดยที่มาจาก Original Netflix เองนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ ที่มีฐานแฟนคลับไปทั่วโลกกับ “Sabrina” ซีรีส์เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของ เด็กสาวลูกครึ่งไฮบริด แม่มด – มนุษย์ อย่าง ‘ซาบริน่า’ เธอจำเป็นต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ในวันเกิดอายุครบ 16 ปีของเธอ โดยเธอต้องเลือกระหว่างเป็นแม่มดผู้ที่ต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างของความเป็นมนุษย์เอาไว้ หรือ เลือกความทรงจำที่ดีของเพื่อนและคนรัก พร้อมใช้ชีวิตอย่างมนุษย์เดินดินทั่วไป จากเหตุการณ์ครั้งนี้ความลับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเธอก็เริ่มจะปรากฎขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด
หลังจากที่ได้ดูซีรีส์แนว Supernatural เรื่องนี้ไป เรากล้าบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้มีความน่าติดตามในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ฮุคเข้าเนื้อเรื่องที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเข้มข้นได้เร็ว กระชับและเข้าใจง่าย กระตุ้นความน่าติดตามและความอยากดูของเราได้มากกกก โดยเฉพาะ Mood Tone ของซีรีส์ให้กลิ่นอายความ Vintage อยู่ไม่น้อย (เพิ่มความขลังในตัวคุณ) ถึงแม้จะเป็นซีรีส์แฟนตาซี แต่บอกเลยว่าจาก ep. แรกนั้นไม่ได้มีความมุ้งมิ้งตามหน้าตานางเอกของเราแต่อย่างใด มีซีนเลือดสาด และ สดใส แบบดาร์คๆ ให้เห็นอยู่บ้าง ไม่เพียงแค่นั้นยิ่งทวีคูณความเงื่อนงำและความคุณไสยต่างๆ แบบไต่ระดับไปเรื่อยๆ ในแต่ละซีซั่น
เรื่องที่ 5: The Witcher (คลิกเพื่อรับชม)
จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่น
เฉลี่ยเวลาต่อนาที: 60 นาที
และซีรีส์แนว Supernatural เรื่องสุดท้ายที่อยากแนะนำให้สาวๆ ได้รู้จักกันนั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ (นี่ดูไม่ได้อะไรเลย พระเอกหล่อแบบลากดินไปเลย) และเรื่องนี้ก็คือ “The Witcher”
ซีรีส์แนวแฟนตาซี ที่ได้รับแรงบันดาลใจและดัดแปลงมาจากนิยายชุดแนวแฟนตาซี และ เกมแนวผจญภัยชื่อดังที่ใช้ชื่อเดียวกัน
โดยพูดถึงเรื่องราวของนักล่าปีศาจที่มีชื่อว่า ‘เกรอลด์ แห่ง ริเวีย’ โดยในยุคนั้น เต็มไปด้วยเหล่าพ่อมด แม่มด ผู้ใช้เวทย์ นางฟ้า เอฟและปีศาจ โดยเกรอลด์ แห่ง ริเวีย นั่นเป็นนักล่าอสูนที่ออกเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์และออกตามล่าหากุญแจสำคัญในการทำให้โลกนี้สงบสุข และหลุดพ้นจากสงครามความขัดแย้งระหว่างดินแดนและสิ่งมีชีวิตในโลกนี้
ส่วนตัวเราคิดว่าหากใครที่ชอบซีรีส์แนว GOT หรือเรื่องราวความช่วงชิงบรรลังก์หรือการแบ่งแยกดินแดน การผจญภัยแฟนตาซีแบบนี้ละก็ The Witcher ตอบโจทย์เลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีคนติดตามและให้ความสนใจนั้น คงเป็นเนื้อเรื่องที่ถูกดัดแปลงมาจากการผจญภัยในเกมและเรื่องราวความน่าประหลาดใจ แฝงความอัศจรรย์ต่างๆ เรื่อง CG หรือ Effect, Graphic ต่างๆ นั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย แน่นอนทุกอย่างลงตัว ดีและน่าชื่นชมเป็นที่สุด นอกจากนั้นบอกเลยว่าพระเอกของเรื่องเหมือนถอดแบบมาจากเกมดีๆ เลยก็ว่าได้
Photo Credit:
Stay connected