สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน อย่างว่าแหละพออยู่บ้านมากๆ ไม่รู้จะทำอะไร ดูซีรีส์ก็แล้ว หนังก็แล้ว ยูทูปเอย อะไรเอย ชักจะเบื่อ ตัวเราก็เลยไปขุดเอาเกมเก่าๆ มาเล่น จนเริ่มกลับมาติดอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ทำให้เรียนรู้ได้ว่า ใครว่าเล่นเกมไม่ได้อะไร “10 ข้อคิดดีๆ จาก SimCity” เกมสร้างเมืองที่เป็นมากกว่าเกม!! บอกเลยว่า SimCity ไม่ใช่เกมที่จะให้แค่ความสนุก แต่มันคือวิชาการบริหารและเศรษฐศาสตร์โดนเฉพาะ อย่ารอช้าไปเริ่มกันเลย
” 10 ข้อคิดดีๆ จาก SimCity ” เกมสร้างเมืองที่เป็นมากกว่าเกม!!
SimCity ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2532 ก่อตั้งโดยบริษัท Maxis ซึ่งเป็นเกมที่พูดถึงการจำลองเมือง โดยให้ผู้เล่นเป็นนายกที่จะเข้ามาบริหารเมืองและก่อร่างสร้างเมืองนี้ให้สำเร็จ โดยต้องเริ่มตั้งแต่ การวางผังเมืองไปจนถึงการบริหารงานต่างๆ งั้นมาลองดูกันว่าเมื่อเราต้องสวมบทเป็นนายกของเมืองนั้นๆ แล้ว เราได้ข้อคิดอะไรกับมันบ้าง
ข้อที่ 1. ผังเมืองเป็นสิ่งสำคัญ
ก้าวแรกของการเป็นเมืองที่ดี ไม่ใช่แค่การบริหารเมืองหรือ การดูงบ การดูแลเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว มันควรต้องเริ่มจากการวางผังเมืองที่ดี และ ข้อคิดดีๆ จาก SimCity ในข้อแรกคือ
ผังเมืองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ การออกแบบผังเมืองที่ดีไม่ใช่การ represent ถึงระบบคมนาคม แต่มันได้คำนึงถึงการคิดแบบระยะยาวแล้วว่า เราจะจัดสรรทรัพยากร วางรากฐานการคมนาคม และที่อยู่อาศัยในชุมชนอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ข้อที่ 2. นอกจากคนแล้ว ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ มีผลต่อการดำรงชีวิต
ข้อคิดดีๆ จาก SimCity ในข้อถัดไป และข้อนี้เรามั่นใจว่าหลายๆ คนที่เล่น SimCity จะต้องรู้ว่า ปัญหาใหญ่ๆ ที่เรียกได้ว่ากระทบเมืองของเราคือ ทรัพยากรธรรมชาติ หากทรัพยากรธรรมชาติเสียหาย หรือได้ ผลกระทบ มันจะไม่ได้กระทบแค่จุเดียว แต่มันก่อให้เกิดปัญหาและการดำรงชีวิตของมนุษยืและประชาชนในเมืองด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ ใน SimCity เราจะต้องดูระบบการบำบัดน้ำเสีย และคอยสังเกต จุดติดตั้งระบบน้ำ เมื่อให้เพียงพอต่อความเป็นอยู่ ในทางกลับกันเราต้องคอยสังเกตทรัพยากรที่เหลืออยู่ด้วยเช่นกัน
3. ธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่เล็ก – ใหญ่ เป็นตัวหมุนเวียนและสร้างรายได้
เอาข้อต่อมาเรามาลึกลงในระบบเศรษฐกิจกัน ค่าเงินหมุนเวียนในเมืองนั้น ถือกำเนิดได้จากรายได้ ภาษี และการจับจ่ายใช้สอยของคนในเมือง และเงินหมุนเวียนของประชาชนจะเกิดได้อย่างไร
ก็เกิดจากการหมุนเวียนของระบบการค้าขายทางธุรกิจ ตั้งแต่ร้านค้าเล็กๆ ไปจนถึงธุรกิจใหญ่ และโรงงาน สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนเกิดรายได้ และนำไปสู่เงินหมุนเวียนของเมือง
4. สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดิน และ ความสุขของผู้อยู่อาศัย
ถัดมาเมื่อมีชุมชน มีประชาชนแล้ว เรามั่นใจว่าหากใครที่ได้เรียนบริหารด้านเศรษฐกิจ หรือพัฒนาชุมชนใดๆ ต้องพอรู้ และจากการเล่นทำให้เราเข้าใจว่า ข้อคิดดีในเกมเป็นจุดให้เราสังเกตในชีวิตประจำวันได้ชัด นั่นก็คือ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือ สิ่งปลูกสร้างใดๆ ก็ตาม จะช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินและความเป็นอยู่ให้กับชุมชนนั้นๆ
ยกตัวอย่างในภาพความเป็นจริง ถนนหรือหมู่บ้านเส้นไหนก็ตามที่อยู่ใกล้กับ BTS ราคาที่ดินจะสูงขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่จะดีขึ้น หรือ หมู่บ้านใด หรือ ชุมชนไหนก็ตามที่ใกล้สวนสาธารณะหลัก จะทำให้มูลค่าที่ดินสูงขึ้น ด้วยเช่นกัน
5. การศึกษาเป็นอีกหนึ่งรากฐานที่สำคัญ
ข้อคิดดีอีกข้อหนึ่งคือ ค่าการศึกษาของคนในชุมชน หากเราเล่นเกมนี้ไปเรื่อยๆ พอประชากรเราเยอะขึ้น มันจะมีค่าบ่งบอกด้านการศึกษา และความเป็นอยู่ของประชากร และแน่นอน การศึกษาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ ทางเกมจะ Notice ให้เราสร้างและกระจายโรงเรียนสู่ชุมชนให้ได้เร็วๆ และต้องทั่วถึง
6. ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ จำเป็นต่อประชาชน
ข้อคิดดีๆ ต่อมา บอกเลยว่า ไม่จำเป็นต้องเล่นเกม แค่ในสถานการณ์ชีวิต ณ ปัจจุบันทำให้เราตระหนักรู้ว่า สาธารณูปโภคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิง หรือแม้กระทั่ง รถประจำทาง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งขั้นพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อประชาชนในสังคม ยิ่งมีประชากรอยู่เยอะเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ต้องเพียงพอต่อความต้องการและต่อจำนวนของประชากรด้วยเช่นกัน
อีกทั้งควรเฝ้าและบำรุงสาธารณูปโภคเหล่านี้ ให้พร้อมต่อเหตุการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ ยกตัวอย่างในเกม ระบบเกมจะสามารถเปิดระบบมหันตภัยต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นพายุ / เพลิงไหม้ต่างๆ ยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้เราตระหนักเห็นว่า เมื่อสาธารณูปโภคเราไม่พร้อม ทำให้ค่าความสุขของประชาชนลด และก่อให้เกิดการย้ายออกจากเมืองในที่สุด
7. การจัดสรรงบประมาณ เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้
เอาละข้อต่อมาเรียกได้ว่า คนที่เล่นเกมนั้น จะตระหนักรู้และสังเกตได้มากที่สุดว่า “การจัดสรรงบประมาณนั้น” สำคัญไม่น้อยกว่ากัน บ่อยครั้งที่เราเริ่มเล่นเกมไปเรื่อย ระบบจะคอย Notice สิ่งต่างขึ้นมาว่า เราคอยจะต้องมีอะไรได้แล้วในเมือง
แต่! ในบางครั้ง เราก็ต้องจัดสรร พร้อมกับดูปัญหาในเมืองของเราก่อนว่า สิ่งที่เกมเตือนมานั้นจำเป็น ณ ตอนนี้หรือเปล่า ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อเราเล่นเกมไปสักพัก และระยะหนึ่ง เกมจะเตือนให้เราปรับศาลากลางให้ดูใหญ่โตทันสมัยใดๆ
ตอนนั้น น้ำประปาในเมืองกำลังจะเสีย ต้องเพิ่มระบบบำบัดน้ำเสีย มิเช่นนั้น ประชาชนจะป่วย กระทบต่อระบบโรงพยาบาลเอยใดๆ เป็นต้น ดังนั้นการจัดสรรงบ และวางแผนเป็นอย่างดี จะช่วยให้เรา เมือง และประชาชนรอดตายนะเอ่อ
8. การตั้งเป้าหมายหรือจุดเด่นของประเทศ ทำให้ผู้นำรู้ว่าควรโฟกัสตรงไหน
ข้อนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเมืองของเราพัฒนามาในระดับหนึ่งแล้ว ประชาชนมีที่พักอาศัยเพียงพอ ค่าเงินหมุนเวียนและรายได้ ไม่เดือดร้อน รวมถึงมีสาธารณูปโภคที่เพียงพอแล้ว เราก็จะต้องมากำหนด Goal ของเมือง ว่าเราจะเน้นและผลักดันเมืองเราไปในทิศทางไหน ระบบก็จะมีบอกเช่น เป็นเมืองทรัพยากร เป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองไฟฟ้า เป็นเมืองธุรกิจเป็นต้น
9. เสียงของประชาชนนั้นสำคัญ
เอาละค่ะ เราก็ใกล้จะเข้าสู่ข้อสุดท้ายกันแล้ว และข้อนี้อย่าว่าแต่อะไรเลย เพราะเขาได้นำข้อเท็จจริงจากชีวิตจริง ลงมาอยู่ในเกม นั้นก็คือ เสียงเรียกร้องของประชาชนนั้นสำคัญ เมื่อเราเล่นเกมและพัฒนาเมืองไปเรื่อยๆ
แต่ละบ้านจะมีข้อเรียกร้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงโรงพยาบาลที่ล่าช้า โรงเรียนไม่พอ หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการที่อยากให้เราจัดสรรสิ่งต่างๆ เพื่อทำให้ค่าความสุขและความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้นด้วยเช่นกัน หากเราเพิกเฉยไม่สนใจ จะทำให้ค่าความสุขของประชากรลดลง และเข้าสู่ภาวะย้ายเมืองทันที
10. การบริหารเมืองดี อะไรก็ดีตามไปด้วย
ข้อคิดดีๆ ข้อสุดท้าย เมื่อเราบริหารบ้านเมืองจนถึงที่สุดแล้ว จะทำให้เรารู้ว่า บ้านเมืองที่เจริญ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั้น จะทำให้ค่าความสุขของประชากรคงที่ มีเงินหมุนเวียนที่เพียงพอ สำหรับเหตุฉุกเฉินหรือการรับมือต่างๆ สามารถเปิดเมืองหรือตั้งเป้าหมายให้กับเมืองได้อย่างเด่นชัด เพื่อนำไปต่อยอดได้อย่างง่ายดาย และนี่คือคำตอบของประโยคที่ว่า “ถ้าการเมืองดี ชีวิตเราจะดีตามไปด้วย”
Photo Credits:
Stay connected