สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่าน เรียกได้ว่า Netflix นำภาพยนตร์ดีๆ และเป็นที่น่าจับตามองหลายเรื่องเข้ามา และหนึ่งในนั้นเป็นหนังที่เรียกได้ว่าคว้ารางวัลจากเวทีใหญ่มาให้ทั่ว อีกทั้งยังคว้รางวัลอย่าง The Best Picture จากเวที Oscar ปี 2021
Clubsister จะพลาดได้อย่างไร “รีวิว CODA ภาพยนตร์รางวัลสุดซึ้ง! ที่จะทำให้คุณสัมผัสถึงเสียงของหัวใจ” มาดูกันว่าหนังเรื่องนี้มีดีอะไรทำไมถึงสร้างความอบอุ่นและซึ้งหัวใจกับคนดูได้ขนาดนี้
“รีวิว CODA ภาพยนตร์รางวัลสุดซึ้ง! ที่จะทำให้คุณสัมผัสถึงเสียงของหัวใจ”
CODA (2021)
ประเภทของภาพยนตร์: Music, Insiration
คะแนนที่ได้จาก IMDb: 8.0 / 10
สามารถรับชมได้ที่: Netflix, Apple TV+
เรื่องย่อและที่มา:
CODA เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ว่าใครที่ไม่รู้จักคงคิดว่าเป็นหนัง Feel Good แนวสร้าง Inspiration ทั่วไป เนื่องจากบนหน้าปกนั้น แสดงถึงความเรียบง่าย ไม่เพียงแค่นั้นนักแสดงหลัทั้ง 4 คนแทบยังไม่ได้โด่งดังเมื่อเทียบกับหนังเข้าชิงหลายๆ เรื่อง
แต่ทว่าภาพยนตร์ที่เหมือนจะสุดแทนธรรมดาเรื่องนี้กลับสร้างความประทับใจให้ทั้งคนธรรมดาแบบเราๆ และ กินใจนักวิจารณ์หลากหลายคนเป็นอย่างมาก เพียงเพราะเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เราได้สัมผัสความไพเราะของเสียงเพลงและเสียงสะท้อนที่มาจากใจ คนธรรมดาในเรื่องได้เป็นอย่างดี
CODA เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ของฝรั่งเศสเรื่อง La famille Bélier แต่ทว่า Sian Heder นักเขียนและผู้กำกับได้นำมันกลับมา Remade ใหม่และใส่ความธรรมดาที่สุดแสนจะเรียบง่ายนั้นเข้าไป
Photo Credit 1: เซียวเล้ง
CODA ไม่ได้มาจากชื่อตัวละครใด ตัวละครหนึ่ง แต่เป็นคำย่อมาจาก “Child of Deaf Adults” นั่นก็คือ เด็กที่เกิดท่ามกลางผู้ใหญ่ที่หูหนวก โดยเป็นเรื่องราวของ รูบี้ เด็กสาววัยมุธยมปลายที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่พิการทางการได้ยิน พร้อมทั้งประกอบอาชีพประมง เธอเป็นคนเดียวที่ปกติในบ้าน ชีวิตประจำวันของเธอแทบจะเป็น Routine
อย่างเช่นการตื่นเช้าไปหาปลา ขึ้นเรือไปพร้อมพ่อและพี่ชาย เพื่อเป็นเหมือนคนกลางเพื่อสื่อสารระหว่างการเดินเรือด้วยกัน ไปที่ตลาดเพื่อสื่อสารให้กับพ่อค้าคนกลางและครอบครัวของเธอ หรือแม้กระทั่ง การใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปอย่างการไปหาหมอ เธอก็ต้องไปกับที่บ้าน เพื่อเป็นล่ามในการสื่อสาร เรียกได้ว่าชีวิตของรูบี้ เป็นแบบนี้มาตลอด เธอเป็นเด็กสาวที่แทบจะแบกความเป็นเสาหลักของบ้านและทำหน้าที่แบกโลกทั้งโลกของที่บ้านเอาไว้
Photo Credit 2: menshealth
ในวันที่เปิดเทอมปีการศึกษาสุดท้าย เธอตัดสินใจเข้าชมรมประสานเสียง เพราะเธอรักในการร้องเพลง เสียงเพลงเปรียบเสมือนความสุขและการได้ปลดปล่อยความเหนื่อยของเธอ และมันก็เป็นไปด้วยดี รูบี้ได้เข้าร่วมร้องเพลงเป็นนักร้องนำคู่กับ ไมล์ เด็กหนุ่มในชมรมด้วยกัน
จนเธอได้รับโอกาสในการเข้าคัดเลือก เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในเรื่องการร้องเพลง และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องการโบยบินจากโลกและรังของเธอ
เอาละค่ะก่อนที่เราจะเข้าไปสู่ช่วงรีวิว CODA ว่าในเรื่องมีดีอะไร และน่าประทับใจเรื่องอะไร มาดูตัวละครที่สำคัญของเรื่องนี้กันก่อน
ตัวละครที่สำคัญของเรื่อง:
Credit Photo 3: menshealth
ตัวละครที่ 1 (ทางซ้ายมือของผู้อ่าน): รูบี้ รอสซี่
แสดงนำโดย: Emilia Jones
เด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวประมง และพิการทางการได้ยิน แต่เธอเป็นคนเดียวที่ปกติเธอเปรียบเสทือนล่ามและโลกทั้งใบของคนในครอบครัว ถึงแม้เธอจะเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ยินเสียงอะไรก็ตาม เธอมีความฝันและพรสวรรค์ในเรื่องการร้องเพลง เรียกได้ว่าเธอมีเสียงเพลงเป็นเครื่องเยียวและความรักของเธอ
ตัวละครที่ 2 (ถัดจากรูบี้): แฟรงค์ รอสซี่
แสดงนำโดย: Troy Kotsur
แฟรงค์ พ่อของรูบี้ ประกอบอาชีพประมงและทำธุรกิจหาปลา ถึงแม้เขาจะพิการทางได้ยิน แต่ทว่าเขาก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และทำตัวประหนึ่งคนธรรมดาทั่วไป
ตัวละครที่ 3 (ถัดจากแฟรงค์) : แจ็คกี้ รอสซี่
แสดงนำโดย: Marlee Matlin
แจ็คกี้ แม่ของรูบี้ เธอเป็นผู้พิการทางการได้ยิน ตั้งแต่กำเนิด แต่ทว่าแม่ของเธอเป็นคนปกติ เพราะเรื่องนี้ทำให้เธอมีปมในใจว่า เธอและรูบี้จะเข้ากันไม่ได้ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจและคิดว่ารูบี้เป็นเด็กตลอดเวลา แต่เธอก็รักและพร้อม Support ความสุขของรูบี้ทั้งใจ
ตัวละครที่ 4 (ถัดจากแจ็คกี้) : ลีโอ รอสซี่
แสดงนำโดย: Daniel Durant
พี่ชายของรูบี้ ถึงแม้เขาจะดูไม่สนใจอะไร ไม่คิดอะไรและใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ทว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของรูบี้และอยากให้รูบี้มีชีวิตในแบบที่เธออยากจะเป็นมากที่สุดคนหนึ่งของบ้านเลยก็ว่าได้
Photo 4: usatoday
ตัวละครที่ 5: Mr. V
แสดงนำโดย: Eugenio Derbez
อาจารย์ผู้ฝึกสอนชมรมประสานเสียง และเป็นครูที่ค้นพบความสามารถของรูบี้ อีกทั้งยังมอบโอกาสในการเข้า audition มหาวิทยาลัยชื่อดังอีกด้วย
ส่วนของการ รีวิว CODA
Photo Credit 5: mixmagazine
ต้องบอกก่อนเลยว่า CODA เป็นภาพยนตร์ที่ ณ ตอนแรกที่เราเห็นและเห็น Trailor แทบจะไม่ได้รู้สึกสนใจที่จะดูมันเลยด้วยซ้ำ แต่พอผลประกาศรางวัลมาแล้วเท่านั้นแหละ ทำให้รู้สึกว่า ทำไมกันนะ หนังที่เราคิดว่าไม่มีอะไรถึงมันดูมีอะไรได้มากขนาดนี้
CODA เป็นภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่า ดำเนินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ เรียบๆ แต่ในความเรียบง่ายนั้นสะท้อนให้เห็น ความต้องการของตัวละคร และการใช้ชีวิตประจำวันที่เราสามารถพบเห็นได้อย่างทั่วไปในเรื่อง ภาพยนตร์ไม่ได้ทำให้จุดที่ตัวละครพิการทางการได้ยินนั้น มันเข้าถึงยาก แต่กลับทำให้เราที่เป็นคนธรรมดา เข้าใจและสัมผัสมันได้อย่างที่เราไม่ต้องพยายาม ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนในแง่ความอบอุ่นและการเปลี่ยนของช่วงอายุได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงช่วงอายุ รูบี้เปรียบเสมอืนเด็กสาวๆ คนหนึ่งที่กำลังจะ ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ รู้จักความรัก ความชอบ และหนทางที่ตนเองอยากจะก้าวเดิน ดังนั้นการที่จพตัดสนิใจเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ผู้ใหญ่ส่วนมากมักคิดว่าความคิดและความเข้าใจของเขามักถูกเสมอ อีกทั้งจะยังคงมองรูบี้เป็นเด็ก ในมุมนี้หนังสะท้อนให้เราเห็นได้ชัดเจน นอกจากการที่รูบี้รับหน้าที่เป็นเหมือนล่ามที่ต้องคอบดูแลครอบครัวแล้วนั้น ความต้องการเรื่องการเติบโต รูบี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเด็กสาวทั่วไปที่ทุกคนจะต้องเจอ
Photo Credit 6: mubi
เรื่องที่สองการเปลี่ยนแปลงในเรื่องหน้าที่บผิดชอบมีประโยคหนึ่งที่พี่ชายของรูบี้พูดและทำให้เรารู้สึกจุกแต่อบอุ่นมากไม่น้อยเลยว่า “แต่ก่อนที่เธอจะเกิดพวกเราก็อยู่กันได้ดี จะไปไหนก็ไปซะ” มันอาจจะดูเป็นคำพูดที่ไร้เยื้อใยและน้ำใจ แต่ทว่าพี่ชายกำลังบอกให้รูบี้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่มี เมื่อรู้บี้เกิดมันคือการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่เขาต้องรับมือ แต่เมื่อรูบี้จะไป เขาก็ต้องรับการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ได้เท่านั้นเอง
นอกจากการสะท้อนแง่มุมในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแล้ว ความดีงามของเรื่องนี้อีกเรื่องหนึ่งเลยก็คือ เพลงที่ใช้สื่อในเหตุการณ์สำคัญทั้งสองช่วง (เราขอไม่บอกแล้วกันอยากให้ได้ดูเอาเอง) นอกจากความหมายจะดีแล้วเสียงเพลงและเสียงร้องเข้ากันแล้วเพราะอย่างสุดๆ
** เกร็ดความรู้: ภาษามือที่รูบี้ได้แสดงกับครอบครัว ไม่ได้แปลว่า ฉันรักเธอ แต่มันแปลว่า ฉันรักเธอจริงๆ นะ หรือ “I really love you”
Stay connected