ผิวแห้ง กับ ผิวขาดน้ำ ต่างกันยังไง พร้อมบอกวิธีดูแลผิวให้ไม่ขาดน้ำ

ผิวแห้ง กับ ผิวขาดน้ำ ต่างกันยังไง พร้อมบอกวิธีดูแลผิวให้ไม่ขาดน้ำ

 

ผิวแห้ง (Dry skin)

สภาพผิวที่ขาดความมัน มาจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้น้อยกว่าปกติ  ทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ไม่นาน จึงทำให้เกิดระคายเคืองได้ง่าย ส่งผลให้ผิวมีอาการแห้งตึง คัน แห้งกร้าน และลอกเป็นขุย ส่วนใหญ่แล้ว ผิวแห้งจะเป็นสภาพผิวเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือเป็นปัญหาที่เกิดตามอายุ และโรคผิวหนังบางประเภท

วิธีการบำรุง: ผิวแห้ง เกิดจากการที่ผิวมีน้ำมันหล่อเลี้ยงน้อย ดังนั้นควรเลือกใช้สกินแคร์ประเภท มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) หรือเซรั่มออยล์ (Oil Serum) ในการเติมเต็มความชุ่มชื้น แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่างแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ผิวแห้งกว่าเดิมได้

สกินแคร์สำหรับผิวแห้ง

1. CeraVe Moisturising Cream

 

 

ใครที่กำลังเจอปัญหาผิวอักเสบ แสบแดง ระคายเคือง รวมถึงมีปัญหาผิวแห้ง ลอกเป็นขุย แนะนำ CeraVe Moisturising Cream ตัวนี้เลย ตัวนี้จะให้ความชุ่มชื้นยาวนานกว่า 24  ชั่วโมง ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรง เป็นปราการปกป้องผิวที่ดีขึ้น ปกป้องจากมลภาวะต่าง ๆ และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง ทำให้ผิวหน้าดูกระชับ ให้ผิวที่เต่งตึง ดูอิ่มน้ำ (ราคา 195 บาท)

2.Clarins Double Serum

เซรั่มที่ใคร ๆ ต่างยกให้ Favorite item  ทั้งในโซเชียล และ Blogger หลาย ๆ คนใช้ตัวนี้กันเยอะมากกก ตัวนี้ขึ้นชื่อมากเรื่องทำให้ผิวฟู  ตัวเนื้อเป็นเซรั่มกึ่ง Facial Oil ที่ต่อต้านริ้วรอย ฟื้นฟูผิว และเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าได้ดีมาก โดยมีส่วนผสมหลักคือน้ำ และน้ำมัน (Hydrolipidic) และยังสกัดมาจากพืชธรรมชาติถึง 20 ชนิด

 

ผิวขาดน้ำ  (Dehydrated skin)

 

ภาวะปัญหาผิวที่ขาดความชุ่มชื้น หรือขาดน้ำใต้ผิวอย่างเพียงพอ ทำให้หน้าของเราผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ เพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป หลายคนจึงรู้สึกเดี๋ยวหน้ามันบ้าง หน้าแห้งบ้าง ผิวขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ในทุก ๆ สภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวผสม หรือแม้กระทั่งผิวมัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ สภาพอากาศ มลภาวะภายนอก รวมไปถึงการรับประทานอาหาร

อาการผิวขาดน้ำนั้น ถ้าเราดู ๆ อาจดูไม่ค่อยต่างจากผิวแห้งสักเท่าไหร่  แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ ผิวขาดน้ำมีสภาพผิวที่ทั้งแห้ง และมันในเวลาเดียวกัน เราลองสังเกตหน้าของเรา ถ้าอยู่ในสภาพที่อ่อนล้า หมองคล้ำ  เห็นริ้วรอยได้ชัดเจน ผิวสาก นั้นแหละอาการของผิวขาดน้ำ และอาจทำให้มีการผลิตน้ำมันบนผิวมากเกินไป เพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป ไม่ควปล่อยไว้ เพราะจะทำให้ผู้ประสบปัญหาผิวแห้ง และผิวขาดน้ำมีผิวที่แพ้ง่าย

วิธีการบำรุง: ควรเลือกสกินแคร์เติมความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว โดยมีส่วนผสมของ กลีเซอรีน(Glycerin) กรดไฮยารูรอนิค (Hyaluronic Acid) และเติมส่วนน้ำมันให้กับผิวอย่าง เซราไมด์ (Ceramide) , Cholesterol , Fatty Acid เพื่อเสริมเกาะป้องกันให้ผิวแข็งแรง จะได้ปกป้องไม่ให้ความชุ่มชื้นออกไปจากผิว แนะนำให้เลือกสกินแคร์เนื้อบางเบาไม่หนักผิว อย่างเซรั่ม น้ำตบ

สกินแคร์สำหรับผิวขาดน้ำ

 

1. LA ROCHE-POSAY Hyalu B5 Serum

เซรั่มไฮยาลูรอนเข้มข้น นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก LA ROCHE-POSAY ผสาน 2 อนุภาคไฮยาลูรอนทั้งโมเลกุลใหญ่ และเล็ก ทั้งยังผสานวิตามิน บี5 มาเดคาสโซไซด์ และมีกรดไฮยาลูโรนิก ในการฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้าน ให้ผิวชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย คืนความอิ่มเอิบพร้อมเพิ่มความแน่นกระชับ และความยืดหยุ่นให้กับผิว แถมยังผสานน้ำแร่ ลา โรช-โพเซย์ ที่ช่วยปลอบประโลมผิว และลดการระคายเคืองผิว 

 

2. Revitalift Hyaluronic Acid Plumping Cream Day

ครีมไฮยาลูรอนกระปุกม่วงจาก ลอรีอัล เป็นครีมไฮยาเข้มข้น ไอเทมสำหรับคนอายุ 20 อัพ เพราะ เขาทำวิจัยมาแล้วว่าหลังอายุ 20 ปี ปริมาณกรดไฮยาลูรอนในผิวจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ เราจึงจำเป็นต้องเติมเต็มด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนเข้มข้น เพราะจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เนียนนุ่ม และชุ่มชื้นยาวนาน และยังมีส่วนผสมจากสารสกัดข้าวไรน์ ที่มีคุณสมบัติช่วยยกกระชับผิว ทำให้ผิวรู้สึกแน่นเด้ง กระชับเต่งตึง และสารสกัดจากชะเอมเทศ ช่วยลดอาการระคายเคือง ปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย

 

 

อ่านมาถึงตรงนี้ สาว ๆ คงเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ผิวแห้ง กับ ผิวขาดน้ำ กันแล้วแหละ ต่อจากนี้เราคงเลือกเลือกสกินแคร์ได้ตรงกับผิวของตัวเองยิ่งขึ้น ต่อให้เราผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำยังไงแล้ว เราต่างต้องการความชุ่มชื้น เพื่อลดปัญหาผิว ถ้าสาว ๆ ยังไม่มีสกินแคร์เติมน้ำ อาจจะเอาที่เราแนะนำไปเป็นตัวเลือกในการดูแลผิวได้นะคะ แล้วที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำมาก ๆ  และพักผ่อนให้เพียงพอ 

 

 

 

 

 

Photo Credit:

CeraVe

Clarins

LA ROCHE-POSAY

Revitalift

Source Credit:

vogue

acseine

Comments

comments