สวัสดีค่ะสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ตอนนี้เหมือนสถานการณ์ COVID-19 ระลอก 3 ที่มาเมื่อต้นเดือนเมษายังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง ทำให้บางบริษัทตัดสินใจเริ่มให้พนักงานกลับมา Work From Home กันอีกครั้ง และไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเราจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ (แบบที่ไม่ปกติ) อีกครั้งตอนนั้น และด้วยประสบการณ์การ Work From Home มาอย่างยาวนานในการระบาดระลอกแรกนั้นทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เฮ้ย! ใครว่าทำงานที่บ้านจะไม่มีปัญหา Clubsister เลยขอ “เตือน! 5 เรื่องควรระวังจากการ Work From Home อีกครั้ง” มาดูกันว่าจะมีอะไรที่ควรระมัดระวัง และควรจะต้องหัดปรับและรับมือกับมัน
“เตือน! 5 เรื่องควรระวังจากการ Work From Home อีกครั้ง”
เรื่องที่ 1: ปัญหาสุขภาพกำลังถามหา
วิธีทางแก้: ขยับตัวบ่อยๆ , หาเวลาออกกำลังกาย
เรื่องควรระวังจากการ Work From Home ในข้อแรกแน่นอนจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้เสียนอกจากปัญหาสุขภาพทางด้านต่างๆ เมื่อว่าจะเป็นน้ำหนักและส่วนเกินที่ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น, การปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานไม่ถูกสรีระจนลามให้เกิดออฟฟิศซินโดรม และที่หนักมาที่สุดคือ Mental Health (แต่ในข้อนี้เราขอหยิบยกไปไว้อีกข้อหนึ่งกัน) เพราะด้วยการ Work Form Home หรือทำงานที่บ้านนั้นทำให้การเดินทาง การสัญจรไปข้างนอกของเราหายไป การขยับตัวเดินใดๆ แทบจะไม่มี หรือกิจวัตรประจำวันของเราอย่างบางคนจองยิม, เข้าคลาสฟิตเนส, จ็อกกิ้งที่สวนสาธารณะ หรืออะไรใดๆ ไม่สามารถทำได้เหมือนเดิม ทำให้ความขี้เกียจเข้ามาแทนที่
และนี่คือปัญหาทางด้านสุขภาพอย่างการที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น สัดส่วนเกิน เกิดการอ่อนเพลียง่วงเหงาหาวนอน และปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่เรามั่นใจว่าใครๆ ก็ต้องเจอ นั่นก็คือปวดเมื่อยตามตัว ปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ เพราะเก้าอี้ในการทำงานหรือพื้นที่ไม่ได้ Support ในการทำงานเสียเท่าไร บางคนต้องทำงานที่โต๊ะทานข้าว บางคนต้องทำงานบนโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลทางด้านสุขภาพทั้งสิ้น
ดังนั้นวิธีทางแก้ก็ง่ายๆ หากใครมี Budget เพียงพอและ Space ที่โอเค ก็ลองจัดพื้นที่สำหรับในการทำงาน หาซื้อเก้าอี้ที่ Support เรื่องการนั่งทำงานนานๆ มาใช้ หรือหากใครที่ไม่ได้สะดวกมากเท่าไร เรามีทางแก้ง่ายๆ มาให้สาวๆ ค่ะ นั่นก็คือหาเบาะนั่งหรือทำให้ที่นั่งทำงานของเราสบายที่สุด พยายามนั่งหลังตรง และที่สำคัญลุกบ่อยๆ อย่านั่งนานเกินไป อาจจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ลุกไปดื่มน้ำ ลุกไปทำโน้นนี่นิดนึง เพื่อให้ร่างกายได้ยืด และที่สำคัญหาเวลาออกกำลังกายง่ายๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้าน, Cardio ง่ายๆ หรือการออกกำลังตาม Youtube ก็สามารถช่วยปัญหาส่วนนี้ได้ค่า
เรื่องที่ 2: ค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น
วิธีทางแก้: ทำรายรับรายจ่าย, จดลิสต์ของใช้ที่จะซื้อต่อเดือน
ต่อไปเป็นเรื่องที่สาวๆ อ่านหัวข้อแล้วอาจจะคัดค้านในใจก็เป็นได้ว่าทำงานที่บ้านเรื่องนี้จะเป็นปัญหาได้อย่างไร และเรื่องควรระวังจากการ Work From Home ข้อถัดไปคือ “ค่าใช้จ่ายที่เยอะขึ้น” ได้ยังไงกันล่ะ ฉันทำงานที่บ้านค่าเดินทาง ค่าอาหารก็ไม่ต้องเสีย ทำงานข้อนี้ถึงควรระวัง
ก็จริงค่ะ! เวลาที่สาวๆ ทำงานที่บ้านไม่ว่าจะอยู่กับครอบครัวหรือคนเดียว เราแทบจะไม่เสียค่าเดินทางหรือค่าอาหารกลางวัน ค่าใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่! ยิ่งอยู่บ้านก็ยิ่งเบื่อ จะออกไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ ห้างก็เสี่ยง, ร้านรวงก็ยิ่งเสี่ยง
ดังนั้นเมื่ออยู่บ้านปุ๊บต้องมีบ้างหล่ะ วันไหนอยากกินอะไรก็ Delivery เอา Grab เอย, LINEMAN เอย ต่างๆ นาๆ ยิ่งบางคนที่อยู่คนเดียวและทำอาหารไม่เป็นยิ่งแล้วใหญ่ มั่นใจเลยว่าสั่ง Delivery แทบทุกวันแน่นอน และพออยู่บ้านเดินห้างก็ไม่สะดวก จะออกไปข้างนอกก็เสี่ยง ดังนั้นอีกวิธีนึงคือ Shopping Online เรียกได้ว่าพัสดุมาสั่งจนพนักงานจำหน้าบ้านได้แล้ว ยิ่งอยู่บ้านก็ยิ่งเปลือง
และวิธีทางแก้ง่ายๆ เลยคือ ทำตัวประหนึ่งไปทำงานเลยค่ะ จัดสรรเงินดูต่อวันว่าปกติเราเสียค่าเดินทางเท่าไร, ค่าอาหารเท่าไร, ค่าเครื่องดื่มโน้นนี่เท่าไร และ ตัด Activity ที่เราไม่สามารถทำได้ออกไป เงินที่เหลือเอาไปเก็บ ทำรายรับรายจ่ายทุกวัน พร้อมทั้งงดการ Shopping Online พร่ำเพื่อ จาก Shopping ทุกวัน เปลี่ยนมาเป็นจดลิสต์ของที่เราจะต้องซื้อทีเดียว 1 เดือน หรือหากใครว่า 1 เดือนนานไป ก็แบ่งเป็น 2 วีคแทน และซื้อแค่ที่จำเป็นในช่วงเวลานั้นๆ เพราะมิเช่นนั้น เงินจะหมดไปกับการ Shopping จนไม่เหลือเก็บ
เรื่องที่ 3: ปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
วิธีทางแก้: พยายามอธิบายให้คนรอบตัวเข้าใจ, หาวิธีการตรงกลางระหว่างกัน
อีกเรื่องควรระวังจากการ Work From Home ที่ตอนแรกก็ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหา แต่มันเป็น! อย่างการ “มีปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง” เรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้างนี้ไม่ใช่แค่กับคนรักหรือกับเพื่อน แต่รวมทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อาศัยกับครอบครัวใหญ่ มีคนอยู่ที่บ้านตลอดเวลา คนที่อยู่คนเดียว, คนที่อยู่กับแฟน แทบจุทุกรูปแบบมีปัญหากันหมด เรามาดูเคสปัญหาของคนที่อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่และต้องทำงานที่บ้านกัน (ตัวนักเขียนเอง)
ปัญหาที่เราเจอเลยคือ เมื่อเราอาศัยกับคนที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ มีคุณพ่อ, คุณแม่, น้องชาย และคนอื่นๆ ใดๆ ทำให้การ Control บริบทหรือสภาพแวดล้อมโดยรอบ เป็นไปได้ยากมากๆ บางครั้งคนแก่ที่บ้านไม่เข้าใจว่าการทำงาน Online คืออะไร และชอบตั้งคำถามกับเรา, บางครั้งสถานที่เราทำงานถูกรบกวนอยู่บ่อยๆ ซึ่งข้อนี้เราเจอประจำ ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่สอดแทรกเข้ามาเวลาประชุมออนไลน์, การเคาะประตูเรียกเราบ่อยๆ ใดๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้เราขัดใจและเกิดความไม่พอใจได้ง่าย
เคสต่อไปเป็นเคสที่อยู่คนเดียว แต่มีแฟน อ่ะ! เคสนี้แอบยากนิดนึงเพราะเมื่อเจอสถานการณ์ COVID-19 นั้น การไปมาหาสู่กันเริ่มเสี่ยงและอันตราย หากใครไม่ซีเรียสและมั่นใจกับการป้องกันตนเองก็มาเจอมาหากันได้ แต่! หากการไปมาหาวู่กันเป็นพื้นที่เสี่ยง นั่นยิ่งทำให้เกิดระยะห่างกันเกิดขึ้นได้มากขึ้นกว่าเดิม และเคสสุดท้ายคือเคสที่อยู่ด้วยกันกับคนรัก บอกเลยว่า สาวๆ ที่อ่านอาจคิดว่า ก็ดีซิ ทำงานที่เดียวกับแฟน ใช่ค่ะ! ตอนแรกๆ มันก็น่ารักดีอยู่หรอก
แต่! นานๆ เข้า มันเริ่มไม่มีช่องว่างหรือพื้นที่ส่วนตัวให้กันและกัน เพราะหันไปก็เจอเธอ จะทำอะไรก็ไม่ส่วนตัว ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเสียเท่าไร บอกเลยว่า 2 ปัญหาสุดท้ายที่กล่าวมานั้น ทำให้คนเลิกกันมาแล้ว วิธีทางแก้นั้นมีอยู่ทางเดียวเลยคือ การอธิบายให้คนรอบข้างเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอความร่วมมือในช่วงเวลาที่เราทำงาน, การพูดคุยกันให้เยอะขึ้นสำหรับใครที่ไม่ได้เจอกัน หรือแม้กระทั่งการแบ่งพื้นที่ในการทำงานที่ชัดเจน เพื่อไม่ก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันมากจนเกินไป
เรื่องที่ 4: ไม่มี Work-Life Balance
วิธีทางแก้: ปรับนาฬิกาชีวิตให้เหมือนกับเวลาทำงานจริง
ต่อมาเป็นเรื่องควรระวังจากการ Work From Home มากๆ เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นแทบจะทุกคนที่ทำงานที่บ้าน นั่นก็คือ “Work Life Balance” รวน เพราะช่วงเวลาที่ Fix ว่านี่คือเราไปทำงาน เวลานี้กลับบ้านมันหายไป เพราะบ้านคือสถานที่ทำงาน ทุกอย่างคือที่เดียวกันไปหมดเลย ทำให้สิ่งเร้าต่างๆ มีมากขึ้น บางคนเลือกที่จะดูซีรีส์ก่อนและค่อยทำงาน ทำงานการทำงานก็ดันไปทำตอนดึกก่อนนอนแทน หรือไม่บางคนก็ตื่นเช้ามาทำงานๆ พักกินข้าวและก็ทำงานๆ จนถึง Last Minute สุดท้ายก่อนที่จะนอน ซึ่งไม่ว่าจะทางไหน ก็ไม่มีความพอดี
ดังนั้นวิธีทางแก้คือการ Setting เวลาชีวิตเราให้เหมือนกับเวลาทำงานที่สุด ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเวลาเลิกงาน Set เวลาพัก และเวลาทำงานวินาทีสุดท้ายเอาไว้ด้วย และจำไว้ว่าหลังจากเวลาเลิกงานแล้ว เราต้องหยุดการทำงานลงและไปใช้ชีวืต ไม่ว่าจะพักผ่อนหรือทำสิ่งที่เราชอบ
เรื่องที่ 5: เสี่ยงต่อการมีภาวะนอนไม่หลับ / เครียดสะสม / ภาวะซึมเศร้า
วิธีทางแก้: ฝึกการรับรู้จิตใจตนเอง / หาเวลาทำสมาธิ และ พยายาม Social Detox
และข้อสุดท้ายของเรื่องควรระวังจากการ Work From Home คือเกี่ยวเนื่องมาจากปัญหาสะสมของข้อที่ 3 และ 4 (แต่ส่วนมากจะเป็นข้อที่ 4) นั่นก็คือ การเสี่ยงประสบปัญหา Mental Health หรือปัญหาสุขภาพจิต เนื่องจากสถานที่ทำงานและสถานที่พักผ่อนคือที่เดียวกัน ทำให้ตัวเรานั้นหมกมุ่นอยู่กับงานและความเครียดได้ง่ายขึ้น เมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้สิ่งที่ทำได้เวลาว่างคือการไถ Social Media, ดู Youtube หรือไม่ก็ Netflix โลก Offline หรือการเดินทางท่องเที่ยวหายไป กิจวัตรอื่นๆ ที่เคยทำนอกบ้าน ไม่สามารถทำได้
แน่นอนเมื่อสิ่งที่สร้างความสุข หรือการพบปะผู้คนไม่สามารถเป็นไปได้ ทำให้เราเกิดความเครียดได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ทำให้ช่วงนี้ผู้คนเกิดสภาวะนอนไม่หลับและเครียด หากหนักเข้าเรื่อยๆ บางคนอาจเกิดภาวะซึมเศร้าได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นวิธีการแก้คือ การ Reflect Yourself และ ฝึก Self Awareness มาก หากพูดง่ายๆ คือ ฝึกการรับรู้จิตใจตนเอง, รู้จักการทำสมาธิเพื่อการตระหนักรู้และปล่อยวางกับเรื่องที่อยู่ในใจ รวมถึงควร Social Detox ตนเองบ้าง เพราะเมื่อวันทั้งวันเราอยู่แต่กับหน้าจอ เสพข่าวหรือเรื่องราวที่ก่อให้เกิดเรื่องขุ่นมัวมากเท่าไร ก็ยิ่งเครียดมากเท่านั้น
Photo Credit: unsplash
Stay connected