ฮาย ฮาย ชาวซิสที่น่ารักทุกคน อีกไม่กี่วันเราก็จะนับ Count Down ขึ้นปีใหม่กันแล้ว (จะว่าไปก็แปปเดียวเองเนอะ) ถ้ายังไม่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ใครต่อหลายคน คงจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศกันแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ใดๆ ต่างๆ ทำให้เราไม่สามารถไปเที่ยวที่ไหนได้นกจา Thailand วันนี้ Clubsister ขอนำเสนอ “5 หนังวิวสวย ดูยามว่าง รับรองเป็นฟิน! เหมือนได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง” บอกเลยว่า เห็นปุ๊บอยากเก็บตังค์ไปเที่ยวปั๊บ อย่ารอช้าไปเริ่มที่เรื่องแรกกันเลย
“5 หนังวิวสวย ดูยามว่าง รับรองเป็นฟิน! เหมือนได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง”
เรื่องที่ 1: Leap Year
ระดับความสวยของวิว: 5 / 5
Location: เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
หนังวิวสวยเรื่องแรกที่อยากแนะนำให้สาวๆ ได้รู้จักกันนั้นสถานที่ตั้งอยู่ที่ประเทศไอร์แลนด์ Location ฉาก และ mood tone ของหนัง ถ่ายทอดและคละเคล้าร่วมกับอารมณ์ของหนังที่บ่งบอกให้เห็นถึงความอบอุ่นและสบายได้เป็นอย่างดี ‘แอนนา’ (Amy Adams) นักตกแต่งภายในและแฟนหนุ่ม ‘เจเรมี่’ (Adam Scott) วางแผนไปเที่ยวพักผ่อนกันที่เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
แต่การไปเที่ยวในครั้งนี้ แอนนาได้วางแผนที่จะขอเจเรมี่แต่งงานตามประเพณีเก่าแก่ของประเทศไอร์แลนด์ คือในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ตรงกับปีอธิกสุรทิน เธอจึงตัดสินใจเดินทางล่วงหน้าไปก่อนกำหนด เพราะเหตุนี้ทำให้ได้พบกับ ‘เดแคน’ (Matthew Goode) หนุ่มหล่อมาดเซอร์ชาวไอริช ที่ต้องร่วมเดินทางไปด้วยกันจนทำให้เกิดเรื่องราวมากมายระหว่างหนุ่มสาวทั้งสองซึ่งไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอแค่ความหอมหวานของพล็อตและบทเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นหนังวิวสวย ที่รวมไปถึงสถานที่, วิวทิวทัศน์และแสงของหนังเรื่องนี้ดีไม่แพ้หนังเรื่องอื่น โดยหนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทำที่ เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ซึ่งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มากมาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ไล่เฉดสีจากเขียวไปจนถึงเหลืองอ่อนได้เหมือนกับการไล่สีของจิตรกรฝีมือดีอีกด้วย
เรื่องที่ 2: Letters to Juliet
ระดับความวิวสวย: 5 / 5
Location: Casa di Giulietta ประเทศอิตาลี
หากพูดถึงนิยายหรือบทประพันธ์ โรแมนติก ดราม่า ตลอดกาลแล้ว เราว่าใครหลายคนก็คงนึกถึง โรมิโอและจูเลียต แต่จะมีใครเล่าที่รู้ว่าบทประพันธ์อันแสนหวานซึ้งเคล้าน้ำตาแบบนี้ จะมีสถานที่จำลองของหนังวิวสวยไม่แพ้ไปกว่าเคล้าโคลงเรื่องราวที่ร้อยเรียงผ่านตัวหนังสือก็คงไม่พ้นเรื่องนี้ Letters to Juliet เป็นหนังโรแมนติกเรื่องโปรดของเราอีกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องของ ‘โซเฟีย’ (Amanda Seyfried) คอลัมนิสต์สาวที่กำลังเดินทางไปทำธุระกับคู่หมั้นหนุ่มของเธอที่รัฐเวโรน่า ประเทศอิตาลี
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเริ่มออกท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นเมืองของโรมิโอและจูเลียต ซึ่งในขณะที่กำลังเดินสำรวจเมืองอยู่นั้น เธอก็เดินทางไปที่ Casa di Giulietta หรือบ้านจูเลียตซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนมากมายมักจะเขียนจดหมายมาเพื่อสารภาพรักบ้างหรือปรึกษาปัญหาความรักบ้าง
ซึ่งโซเฟียบังเอิญเจอจดหมายรักเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เพราะเหตุนี้ทำให้โซเฟียเกิดแรงบรรดาลใจในการเขียนงานของเธอและเดินทางตามหารักแท้ของบุคคลที่อยู่ในจดหมายด้วยตัวของเธอเอง
หนังวิวสวยเรื่องนี้ถ่าายทำที่ Casa di Giulietta หรือบ้านจูเลียตนั้น เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่ตั้งอยู่เวโรน่ามานาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนมีคู่หรือคนที่ปรารถนารักแท้ควรมาเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความเชื่อกันว่าใครหรือคู่ไหนที่เข้ามาเขียนจดหมายสารภาพรักหรือป่าวประกาศพร้อมกับสัมผัสรูปปั้นของจูเลียตแล้ว ความปรารถนาและความรักของทั้งเขาเหล่านั้นจะประจักษ์เป็นนิรันดร์ เช่นเดียวกับความรักของโรมิโอและจูเลียตที่แม้ถึงทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันในโลกแห่งความจริง แต่ความรักของเขาก็ยังอยู่เป็นอมตะ
เรื่องที่ 3: The Tourist
ระดับความสวย: 4.5 / 5
Location: กรุงเวนิส ประเทศอิตาลี และ ปารีส
หนังวิวสวยเรื่องต่อไปนั้นถึงแม้จะเป็นหนังทริลเลอร์และแอ็คชั่นหน่อย ๆ แต่ก็ยังมีมุมความสวยงามและโรแมนติกของประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยอันดับต้น ๆ ของโลกแฝงอยู่ หนังเล่าเรื่องของ ‘เอลีส’ (Angelina Jolie) ที่ได้รับจดหมายจากคนรักที่เป็นอาชญากรผู้ยักยอกเงินมาเฟียจำนวนมหาศาลที่กำลังถูกตามล่าตัวจากทั้งตำรวจและมาเฟียสุดโหด
เนื้อความในจดหมายบอกให้เธอขึ้นรถไฟและตีสนิทคนที่มีรูปร่างคล้ายกับเขาเพื่อลวงตำรวจให้หลงกล และเหยื่อคนนั้นก็คือ ‘แฟรงค์’ (Johnny Depp) นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ซึ่งระหว่างที่เอลีสต้องแกล้งหลอกตำรวจว่าแฟรงค์คือคนรักของเธอ เรากลับพบว่าเธอเริ่มตีตัวออกห่างจากคนรักมาปันใจให้แฟรงค์เหยื่อในแผนการของเธอ(และเขา)
ถ้าจะให้พูดถึงเมืองหรือประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่และสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของโลกก็คงหนีไม่พ้นกรุงเวนิส ประเทศอิตาลี ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำและแสงสว่าง หนังวิวสวยเรื่องนี้ได้มีการถ่ายทำย่านมหาวิหารซันมาร์โก และริมฝั่งแม่น้ำแห่งกรุงเวนิสที่เต็มด้วยประติมากรรมและวัฒนธรรมที่น่าดึงดูดไม่น้อยไปกว่าความงามของคุณแม่โจลี่
แต่หนังเรื่องนี้ไม่ถ่ายทำที่อิตาลีเพียงที่เดียวยังเดินทางถ่ายทำที่กรุงปารีส เมืองแห่งศิลปินอีกด้วย เอาเป็นว่าดูหนังเรื่องเดียวได้เห็นความสวยงามของทั้งสองประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปะของโลกเลยก็ว่าได้
เรื่องที่ 4: Mamma Mia!
ระดับความสวย: 4 / 5
Location: Skopelos ประเทศกรีซ
Mamma Mia! เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทหนังละครบอร์ดเวย์เมื่อปี 2001 ในชื่อเดียวกัน หนังวิวสวยเรื่องนี้ พูดถึงเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่ประเทศกรีซ ที่เกาะคาโลไกริ ซึ่งพูดถึง ‘โซเฟีย’ (Amanda Seyfried) เธอกำลังจะแต่งงานแต่ในธรรมเนียมของชาวต่างชาตินั้น
เมื่อเจ้าสาวแต่งงานจะต้องให้ผู้เป็นพ่อเดินเข้าส่งในพิธี ดังนั้นโซเฟียจึงส่งการ์ดเชิญไปให้ผู้ชายทั้งสามคนซึ่งแต่ละคนอยู่คนละที่กันทั้งหมด เรื่องราวความน่ารักสดใส โรแมนติก และความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น
จะบอกว่าหนังวิวสวยเรื่องนี้มีสถานที่ถ่ายทำชื่อว่า Skopelos ประเทศกรีซ ซึ่งเข้ากับธีมเจ้าสาวและงานแต่งได้ดีเป็นที่สุด เพราะเมืองที่นั่นเป็นบ้านเรือนสีขาวตัดไปพร้อมกับสีของดอกไม้และต้นไม้ มีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าสีครามและน้ำทะเลที่ตัดและไล่โทนกัน เปรียบเหมือนภาพจากจิตรกรฝีมือเยี่ยมมากไปกว่านั้นอแมนด้าเองก็ดูสดใสและเข้ากันดีกับท้องฟ้า ทะเล และ หาดทรายเสียเหลือเกิน
เรื่องที่ 5: By the Sea
ระดับความสวย: 4 / 5
Location: ประเทศมอลตา
“เขาว่ากันว่าคนที่มาทะเล ไม่หนีร้อนก็หนีรัก แต่หากเป็นหนังวิสวยและเป็นคู่นี้คงไม่ได้หนีทั้งสองอย่าง แต่เขาเลือกที่จะหนีปัญหาทั้งหมดที่ร่วมกันก่อเพื่อเยียวยามันเสียมากกว่า” By the sea ผลงานการเขียนบทและการกำกับชั้นยอดของนักแสดงมากความสามารถอย่างคู่สามีภรรยาตระกูลพิตต์ บอกเล่าเรื่องราวของ ‘โรแลนด์’ (Brad Pitt) นักเขียนชื่อดังและ ‘วาเนสซา’ (Angelina Jolie) อดีตนักเต้น ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน
แต่เนื่องจากโรแลนด์เป็นคนที่เมื่อเครียด จะพึ่งสิ่งที่ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าน่าจะคลายความเครียดได้อย่างเช่นบุหรี่หรือเหล้า และเมื่ออาศัยสิ่งเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างส่งผลต่อสุขภาพไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ มิหนำซ้ำความเครียดต่าง ๆ ไม่ได้มลายหายไปอย่างที่ใครเชื่อกัน จากความเครียดทุกอย่างก่อเกิดเป็นปัญหาพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ของโรแลนด์และวาเนสซาดำเนินมาถึงระยะสุดท้าย
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินทางมาพักผ่อนที่รีสอร์ทริมทะเลในฝรั่งเศส ซึ่งพวกเขาหวังว่า เสียงคลื่น หาดทราย และบรรยากาศต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยรักษาความรักของเขาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง
พูดได้เลยว่าสถานที่ถ่ายทำหนังวิวสวยเรื่องนี้ดีงามตามท้องเรื่องจริง ๆ เพราะเนื่องจากทั้งแบรดพิตต์และโจลี่เป็นคนเลือกสถานที่ถ่ายทำแห่งนี้เองก็คือประเทศมอลตา เป็นประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก แต่ความน่าประทับใจของการเลือกสถานที่ในหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความสวยงามของท้องฟ้าสีคราม สายลมอ่อนล้อไปพร้อมกับเสียงคลื่นเพียงเท่านั้น
แต่เหตุที่โจลี่เลือกประเทศนี้ในการถ่ายทำ เนื่องจากเธอต้องการนึกย้อนความหลังที่ครั้งเมื่อเธอและสามีร่วมรับบทคู่กันเรื่องแรกอย่างเรื่อง Mr. & Mrs. Smith ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอและพิตต์ตกหลุมรักกัน อีกทั้งมอลตายังเป็นสถานที่ฮันนีมูนในอุดมคติของโจลี่อีกอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงเลือกสถานที่นี้ในการถ่ายทำ เราบอกได้คำเดียวเลยว่า โจลี่เลือกสถานที่ได้เก่งไปไม่น้อยกว่าบทที่เธอเขียนเองเลยสักนิด
และก็จบไปแล้วนะคะกับ “5 หนังวิวสวย ดูยามว่าง รับรองเป็นฟิน! เหมือนได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง” ช่วงนี้ที่เที่ยวไม่ได้ บินไปต่างประเทศก็ยังไม่ได้ ก็ดูหนัง ดูวิวกันไปก่อนนะคะ ส่วนบทความหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ลองมาดู มาติดตามกันใหม่นะคะ สำหรับวันนี้และบทความนี้ ขอบคุณมากๆ เลยค่า
Photo Credit:
Stay connected