ถ้าพูดถึงการ์ตูนตอนเด็กๆ นอกจากการ์ตูนญี่ปุ่นที่มาจากมังงะต่างๆ แล้ว ก็นึกถึงอย่างอื่น
ไปไม่ได้เลยนอกจากการ์ตูนสุดคลาสสิกจากค่ายดังอย่าง วอลท์ ดิสนีย์
ที่ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ยังคงตราตรึงและกินใจผู้ชมอย่างเราเป็นที่สุด และอย่างที่เรารู้กันพอดิสนีย์สร้างการ์ตูนระดับตำนานมาแล้ว แผนกลยุทธ์ของค่ายต่อไป
คือบุกเบิกการสร้าง การ์ตูนดิสนีย์ Live Action ที่เปลี่ยนจากลายเส้นสู่การแสดง
ด้วยคนจริงๆ ทั้งนี้จากอดีตจนถึงตอนนี้ดิสนีย์สรรสร้างหนังแบบ Live Action
มากมาย และในวันที่ 26 มีนาคม ดิสนีย์ได้เริ่มดำเนินการปล่อย การ์ตูนดิสนีย์ Live Action เรื่องล่าสุด อย่างเรื่องราวของวีรสตรีจากจีนแผ่นดินใหญ่ อย่าง มู่หลาน
ที่นำแสดงโดยหลิวอี้เฟย นักแสดงลูกครึ่งจีน-อเมริกา ที่โด่งดังระดับโลก
และวันนี้ Clubsister วันนี้ขอมารีวิว 5 การ์ตูนดิสนีย์ Live Action ระดับตำนานที่ไม่ว่าใครๆ
ก็รู้จัก มาเปรียบเทียบดูกันเลยว่าเวอร์ชั่นไหนดีกว่ากัน พร้อมทั้งเทียบเลยว่าเหมือนกัน
มากน้อยแค่ไหน งั้นมัวพูดพร่ำทำเพลงอยู่ทำไม เริ่มที่เรื่องแรกกันเลย!
รีวิว 5 การ์ตูนดิสนีย์สู่หนัง Live Action ระดับตำนาน
เรื่องที่ 1: Malificent (2014)
สร้างมาจาก: เจ้าหญิงนิทรา (1959)
นำแสดงโดย: Angelina Jolie , Elle Fanning
สาวๆ หลายคนอาจจะรู้จักนิทานก่อนนอนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี นิทานเรื่องนี้ก็ยังคงอยู่อย่างเจ้าหญิงนิทรา มีเรื่องราวที่ว่าเจ้าหญิงแสนงดงามต้องสาปให้โดนเข็มทอผ้าตำนิ้ว
และหลับไป หากจะฟื้นตื่นขึ้นมาได้นั้นต้องถูกจุมพิตจากรักแท้เท่านั้น
แต่เรื่องราวของ การ์ตูนดิสนีย์ Live Action เรื่องนี้นั้นแตกต่างออกไป
เพราะตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องนั้นไม่ใช่เจ้าหญิงผู้เลอโฉมแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นแม่มดใจร้ายอย่าง Malificent แทน
โดยเรื่องราวของ Malificent นั้น พูดถึงความเป็นมาของนางฟ้าผู้พิทักษ์ป่าต้องห้ามที่เต็มไปด้วยเหล่าสรรพสัตย์และภูตินางฟ้า แต่ก่อนที่เธอจะกลายเป็นนางฟ้าใจร้ายนั้น เธอถูกมนุษย์
ผู้ละโมบในอำนาจและเงินตราหักหลัง พร้อมทั้งถูกช่วงชิงสิ่งล้ำค่าของเธอไป
ทำให้ความโกรธแค้นนี้ตามติดมาตลอด พร้อมทวีคูณและต้องการล้างแค้นเมื่อมนุษย์ตนนั้น
มีลูกน้อยเป็นบุตรธิดาผู้น่ารักนาม ออโรร่า โดยมาลิฟิเซนท์สาปให้ออโรร่าโดยเข็มทอผ้าตำนิ้ว
และหลับไปชั่วนิจนิรันทร์ แต่สามารถฟื้นตื่นขึ้นได้ต้องอาศัยจุมพิตจากรักแท้เท่านั้น
มาถึงตรงนี้สาวๆ หลายคนอาจสงสัยว่า เอ้…แล้วมันต่างจากภาคการ์ตูนอย่างไร
สิ่งที่ต่างจากภาคการ์ตูนเลยก็คือ มาลิฟิเซนท์ในภาคการ์ตูนนั้นเป็นตัวร้ายที่ร้ายสุดๆ
ไม่มีความคิดที่ดีได้แต่อย่างใด แต่ทว่าในเวอร์ชั่น Live Action นั้น
สะท้อนมุมมองของรักแท้ที่ไม่ใช่เชิงชู้สาว หรือคนรัก แต่เป็นรักแท้ของคำว่าแม่ ซึ่งบอกเลยว่าเรื่องนี้เราดูแล้วน้ำตาแตกเลย และคุณแม่แองจี้เล่นได้ดีสุดๆ
เรื่องที่ 2: Beauty and the Beast
สร้างมาจาก: Beauty and the Beast
นำแสดงโดย: Emma Watson, Dan Stevens, Luke Evans
รองลงมาจากการ์ตูนดิสนีย์ Live Action เรื่องเจ้าหญิงนิทราแล้วนั้น จะขาดเรื่องนี้ไปไม่ได้นั่นก็คือเรื่อง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เรื่องราวของเบลล์หญิงสาวชาวบ้านที่ตามหาพ่อที่ถูกจับตัวไว้ในคฤหาสถ์ต้องห้าม จนตกหลุมรักในความดีของอสูรที่เป็นเจ้าของคฤหาสถ์ จนสุดท้ายพบว่าอสูรตนนี้คือเจ้าชายรูปงามที่ถูกสาปจากนางฟ้า
ส่วนในการ์ตูนดิสนีย์ Live Action เรื่องนี้ เนื้อหาไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนไปแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งมาได้นั้น คือความละเอียดของรายละเอียดต่างๆ ในเรื่องเริ่มที่ตัวนักแสดงก่อน อย่างบทนำที่ใครต่อหลายคนต่างยอมรับว่าเธอสวมบทบาทนี้ได้ดี
และเหมือนตัวเธอนั้นถอดแบบมาจากตัวละครนี้เลยก็ว่าได้ อย่าง เอ็มม่า วัตสัน ผู้รับบทเป็นเบลล์ นางเอกของเรื่อง ที่เป็นเด็กสาวสุดฉลาด และเป็นหนอนหนังสือ อีกทั้งไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา
และไม่ยอมเป็นเครื่องมือของผู้ชายในสมัยนั้น (สำหรับเราตรงกับคาแร็คเตอร์ส่วนตัวขอเธอเป็นที่สุด) แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึก ว้าว รองลงมาจากตัวละครนั้น จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย
คือ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของเรื่อง บอกเลยว่าเหมือนถอดออกมา
จากการ์ตูนในวัยเด็กอย่างไหงอย่างงั้น แต่ที่เราชอบมากที่สุดเลยคือ คู่แม่ลูกคุณนายพ็อตกับลูกชายสุดน่ารัก ที่คงความน่ารักไม่เปลี่ยนไปจากการ์ตูนเลยแม้แต่น้อย
เรื่องที่ 3: Cinderella
สร้างมาจาก: Cinderella
นำแสดงโดย: Lily James, Cate Blanchett, Richard Madden
ต่อมาเป็นเทพนิยายอมตะนิรันทร์กาลไม่แพ้ไปกว่าการ์ตูนดิสนีย์ Live Action
ด้านบนเลยก็ว่าได้ และเราเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก
นั่นก็คือ ซินเดอเรล่า กับรองเท้าแก้ว ซึ่งในเวอร์ชั่น Live Action นั้นไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นการ์ตูนมากซักเท่าไร แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่า
ทำให้เราประทับใจและชอบเวอร์ชั่น Live Action มากกว่าการ์ตูนนั่นก็คือ การใส่รายละเอียด รวมถึงดีเทลต่างๆ ในเรื่องไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สถานที่ บรรยากาศ อิริยาบทต่างๆ
ของแต่ละตัวละครที่ชอบที่สุดเลยคือ ตัวแม่เลี้ยงใจร้าย ที่แสดงนำโดย เคธ
เรารู้สึกว่าเธอตีบทแตก และทำให้รู้สึกว่าแม่เลี้ยงใจร้ายนั้น ไม่ได้เหมือนในละครที่เรารู้จักกัน
แต่เป็นแม่เลี้ยงที่สวย ฉลาดแกมโกง และรู้จักเล่นเกม แต่ที่ชื่นชอบยิ่งไปกว่านั้น
คือ ตัวเอกของเรื่องอย่าง ซินเดอเรล่า ที่ไม่ได้ดูเป็นหญิงสาวอ่อนแอ ทำอะไรไม่เป็น
เพราะในเรื่องนี้เธอเป็นหญิงสาวที่มีความมุ่งมั่นและรักในความถูกต้องเป็นที่สุด
เรื่องที่ 4: 101 Dalmatians
สร้างมาจาก: 101 Dalmatians
นำแสดงโดย: Glenn Close, Jeff Daniels, Joely Richardson
หากใครที่เป็นคอหนังหรือแฟนคลับสาวกของดิสนีย์นั้นต้องรู้จัก
การ์ตูนดิสนีย์ Live Actionเรื่องนี้เป็นแน่ เป็นเรื่องราวของเจ้าตูบ 2 ตัวพันธุ์ดัลเมเที่ยน
ที่เดินทางตามหาเหล่าลูกๆ ของพวกมัน จากการถูกหญิงใจร้ายที่จ้องจะนำเหล่าลูกๆ
ของพวกมันไปทำเป็นเสื้อขนสัตว์ ซึ่งตำร้ายตัวนี้ยังเป็นตัวร้ายในใจของใครหลายๆ คน ซึ่งนั่นก็คือ คูเอล่า เดวิลล์ หากถามว่าทำไมผู้ร้ายตนนี้ถึงเป็นดาวร้ายในดวงใครหลายๆ คนนั่น
อาจเพราะว่า เธอเป็นดาวร้ายที่เนี๊ยบและเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวจริง
อีกทั้งเธอยังมีแคแร็คเตอร์ที่ชัดเจนอย่าง ชุดเฟอร์ขนสัตว์สีขาวดำ ทรงผมที่แค่เดินมาก็รู้แล้วว่าเป็นเธอ ริมฝีปากสีแดง อีกทั้งถ้าถือไปป์สูบ พร้อมเดินด้วยท่วงท่าที่สุดเริ่ด
แต่หากพูดถึงในแง่เนื้อเรื่องนั้น เมื่อเทียบการ์ตูนกับ Live Action ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเท่าไร แต่โดยรวมส่วนตัวเราชอบเวอร์ชั่นการ์ตูนมากกว่า (เพราะน้องหมาในนั้นมันละมุนก่า)
เรื่องที่ 5: Lady and The Tramp
สร้างจาก: Lady and The Tramp
นำแสดงโดย: Tessa Thompson, Justin Theroux, Sam Elliott (พากษ์เสียง)
และในที่สุดเราก็ดำเนินการ์ตูนดิสนีย์ Live Action มาจนถึงเรื่องสุดท้ายกันแล้วนะคะ
และบอกเลยว่าเรื่องสุดท้ายนี้เป็นเรื่องที่สาวๆ ยุค 90’s ต้องเคยผ่านตากันมาบ้างแน่นอน
และนั่นก็คือเรื่องราวความรักของดอกฟ้าและมหาวัดในเวอร์ชั่นดิสนีย์
เลดี้ สุนัขพันธุ์ดีจากบ้านผู้ดีอังกฤษ ที่อาศัยกับเจ้านายของเธออย่างมีความสุข
แต่อยู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เธอคิดหนีออกจากบ้าน และไปเจอ ทรัมป์ สุนัขหนุ่มพันธุ์ทาจรจัดที่เข้ามาทำให้ใจเธอเต้น และหลงรักความอิสระที่เขาเป็น และนั่นก็ก่อเกิดเป็นความรักที่ดอกฟ้ามีให้หมาวัดอย่างเขา
และฉากที่กินใจ ชวนให้มนุษย์เราเขินได้ไม่รู้ตัวเลยคือฉากดินเนอร์สุดหรูใต้เงาจันทร์ อย่างฉากทานสปาเก็ตตี้มีทบอล ที่ดูกี่ครั้งก็ทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้ง
ส่วนความแตกต่างระหว่าง Live action และการ์ตูนนั้นมีอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดในดีเทลต่างๆ อย่างรายละเอียดของเมือง
ลักษณะของพระเอกของเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นคนละพันธุ์กัน รวมถึงผองเพื่อนต่างๆ อีกทั้งดิสนีย์หักล้างข้อด้อยที่โดนโจมตีเรื่องเหยียดคนเอเซียจากเวอร์ชั่นของการ์ตูนอีกด้วย ทำให้ Live Action สำหรับเราดูดีและแตกต่างมากกว่า อีกทั้งเรารู้สึกว่ามันดีกว่าเวอร์ชั่นการ์ตูนเสียด้วยซ้ำ
ปูลู Lady and The Tramp ในเวอร์ชั่นนี้ ดูผ่าน Disney Plus เท่านั้นนะคะ
Credit Photo:
– preview.disneyplus
– .alternateending
– boneyardlimited
– cbr
– disney.fandom
Stay connected