สวัสดีค่าสาวๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคน ช่วงนี้อยู่บ้านบ่อยๆ ก็ได้มีโอกาสรื้อซีรีส์ในกรุเก่าๆ มาดูเพื่อรีความทรงจำหรือแง่คิดใดๆ เพิ่มเติม (ไม่ใช่อะไรรอหนังใหม่เข้าอยู่) และด้วยเหตุนี้ทำให้ได้มีโอกาสรีรันดูซีรีส์เสียดสีสังคมที่เรียกได้ว่าเข้ากับยุคกับสมัยไม่ใช่น้อย เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาแบบก้าวไกล แต่ทำไมคนยิ่งถดถอยลงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ Clubsister ขอเสนอ “5 ตอนสุดเจ๋งของ Black Mirror สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ เมื่อมีเทคโนโลยี!” มาดูกันว่าตอนไหนจะเจ๋ง และจะจี๊ดตรงใจกันบ้าง
“5 ตอนสุดเจ๋งของ Black Mirror สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ เมื่อมีเทคโนโลยี!”
Episode 1: The Entire History of You (คลิกเพื่อรับชม)
Season: 1
Time: 49 Mins
Black Mirror ตอนแรกที่เราอยากจะให้สาวๆ ได้รู้จักกับข้อดีของการที่เรานั้นสามารถ “มองและรีรันภาพความทรงจำในอดีตได้” เรื่องนี้นำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำที่มีชื่อว่า “เกรน” เป็นเทคโนโลยีที่จะนำพาภาพความทรงจำในอดีตที่เราคิดถึง หรือเป็นภาพสวยงามของเรา ขึ้นมาฉายและรีรันบนหน้าจอ หรือออกมาเป็นภาพต่างๆ เพื่อให้คนอื่นเห็นได้ แต่ทว่าความทรงจำนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องดีเสมอไป เลียม ชายหนุ่มผู้ติดตั้งระบบเกรนเอาไว้ ในวันหนึ่งเขาเดินทางไปสัมภาษณ์งาน พร้อมกลับมาที่บ้านโดยภรรยาเขา ได้สอบถามความเป็ไปในชีวิต เขาก็ได้ทำการฉายภาพความทรงจำ
ของเขาให้ภรรยาสาวได้ดู
และในขณะเดียวกันที่บ้านของเขาได้จัดงานเลี้ยงเล็ก โดยเชิญเพื่อนและคนสนิทของเลียมและภรรยามาทานข้าวที่ได้ แต่ทว่าเพื่อนชายคนสนิทคนเก่าของภรรยาก็มาด้วย และนี่คือจุดเริ่มต้นของภาพความทรงจำที่ไม่มีวันลบหาย ส่วนตัวเรามองว่า EP ทำออกมาได้เห็นภาพชัดเจนที่สุด
ของสิ่งดีและสิ่งที่แย่ของเทคโนโลยี หากเราไม่รู้จักวิธีใช้มันอย่างถูกต้อง การมองย้อนและเห็นภาพความทรงจำไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ทว่าในบางครั้ง มันจะทำให้เราหมกหมุ่นอยู่กับสิ่งๆ หนึ่งมากจนเกินไป จนไม่ปล่อยวางในชีวิต และก่อให้เกิดจุดแตกหักได้ในที่สุด
Episode 2: Nosedive (คลิกเพื่อรับชม)
Season: 3
Time: 63 Mins
ตอนต่อไปนี้หากใครที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้มาก่อน เรามั่นใจว่าจะต้องคุ้นหน้าคุ้นตาตอนนี้เป็นแน่ เพราะเป็นตอนที่เราสามารถพบเห็นได้จากในชีวิตจริง “เมื่ออยู่เมืองดัดจริต ชีวิตต้องป๊อป” เป็นเรื่องปกติ นั่นก็คือตอน “Nosedive” ซึ่งคิดว่าแทบจะเป็นตอนเดียวในซีรีส์เรื่องนี้ ที่มีโทนสีเป็นสีโทนร้อน (มุ้งมิ้ง) เป็นเรื่องราวของโลกที่ ณ ปัจจุบันวัดคุณภาพชีวิตและมาตราฐานของคนจาก Rating โดยอันดับสูงสุดคือ 5.0 คะแนน โดยแล็คซี่ หญิงสาวที่มีความสดใสยิ้มแย้มให้กับทุกคน เธอมีอันดับอยู่ที่ 4.2 คะแนน ซึ่ง ณ ตอนนี้อพาเม้นต์ที่เธออาศัยกับน้องชาย เจ้าของกำลังจะปล่อยขาย ทำให้เธอต้องหาที่อยู่ใหม่ โดยน้องชายของเธอนั้นจะไปอาศัยอยู่กับเพื่อน แต่ตัวเธอนั้นมีความฝันอยากไปอยู่ในหมู่บ้านย่านไฮโซ
แต่ทว่าด้วยย่านที่ดี ต้องแลกมาด้วยค่าครองชีพที่สูง แต่ทางโครงการมีข้อเสนอว่าหากเธอได้ Rating 4.5 เป็นต้นไป เธอจะได้รับส่วนลดค่าที่พัก 20% และด้วยจังหวะเดียวกันนาโอมิ เพื่อนเก่าที่เคยสนิทของแล็คซี่ก็ติดต่อมา เธอมี Rating อยู่ที่ 4.8 คะแนน และเธอกำลังมาช่วยแล็คซี่ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับเธอ โดยนาโอมิได้บอกกับแล็คซี่ว่า แขกที่มางานนั้นมีคะแนนอยู่ที่ 4.5 ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้ทำให้แล็คซี่ตัดสินใจไม่ว่าจะยังไงก็ต้องไปงานนี้ให้ได้
ส่วนตัวเราค่อยข้างชอบตอนนี้มาก ด้วยการสื่อสารของเรื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ที่เมื่อมี Social Media และ ค่านิยมหรือบรรทัดฐาน ที่เราสร้างขึ้นเองมาครอบ ทำให้บางครั้งเราก็ละเลยความเป็นมนุษย์หรือการมองเห็นจิตใจที่แท้จริง พร้อมทั้งตัวตนของเราไปโดยปริยาย
Episode 3: Shut Up and Dance (คลิกเพื่อรับชม)
Season: 3
Time: 52 Mins
ในส่วนตอนนี้เราค่อนข้างชอบมากๆ และคิดว่าตอนนี้เป็นตอนที่จัดต้องได้ ด้วยความเป็นไปได้ไม่น้อยไปกว่าตอนอื่นๆ เพราะเป็นตอนที่เราคิดว่าในชีวิตประจำวันนั้น ยังมีคนกลุ่มนี้ทำเช่นนี้อยู่ Black Mirror ตอนนี้เป็นตอนที่สะท้อนให้เห็น “การเข้า Website หรือ Download โปรแกรมอื่นๆ เองมั่วซั่ว” จนทำให้เกิดผลเสียที่ร้ายแรงตามมา เป็นเรื่องราวของ เคนนี่ เด็กหนุ่มธรรมดา เขามีอาชีพเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ร้าน Fast Food เขาเป็นคนมีจิตใจดีและมักไม่ชอบมีปัญหากับใคร ในวันหนึ่งที่เขากลับมาบ้าน เขาพบว่าน้องสาวของเขา ขโมย Laptop ของเขาไปเล่น จนทำให้เกิด Malware เขาจึง Download Program กำจัด Malware ทิ้ง
และเหมือนกับทุกๆ วันที่ว่าง เคนนี่ก็เหมือนเด็กชายธรรมดาทั่วไป เมื่ออยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ เขาก็เข้า Web Porn และจัดการอารมณ์ด้วยตัวของเขาเองซะ และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เขาได้รับ Email ปริศนาพร้อมคลิป VDO ของเขาที่กำลังทำเรื่องอย่างส่านั้นกับตนเอง ด้วยความกลัวที่จะเกิดการแพร่กระจายของ VDO ทำให้คอนนี่ตกอยู่ในการ Blackmail และถูกใช้ให้ทำเรื่องต่างๆ เพื่อสนองความต้องการของคนที่อยู่เบื้องหลังนี้
ในความคิดเห็นของเรานั้น เราคิดว่าตอนนี้เสนอมุมมองความเสี่ยงของการเข้าใช้ระบบปฏบัติการหรือโปรแกรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าในทุกครั้งที่เราคลิกและติดตั้งโปรแกรมพวกนี้ ข้อมูลของเรา ระบบคอมพิวเตอร์ของเราถูกเปิดเผยไปไหนต่อไหนแล้วบ้าง ตอนที่เราใช้มันเราอาจจะไม่ได้มองถึงผลที่ตามมา แต่ทว่าหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นจริงๆ อยากจะย้อนเวลากลับไป ก็คงสายไปเสียแล้ว
Episode 4: Arkangel (คลิกเพื่อรับชม)
Season: 4
Time: 52 Mins
Black Mirror ตอนต่อไปนี้สำหรับเรา ควรค่าแก่การให้พ่อและแม่สมัยใหม่ได้ดูเป็นที่สุด “จะดีแค่ไหน หากเราสามารถเฝ้าดูลูกน้อยของเรา ผ่าน Tablet และควบคุมสิ่งเร้าต่างๆ รอบตัวนั้นๆ ได้” เราเชื่อว่าต้องมีพ่อและแม่สมัยใหม่หลายคน สนใจสิ่งนี้แน่นอน มารี หญิงสาวที่ท้องและเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด เธอตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูลูกสาวๆ คนนี้เพียงลำพัง ซาร่า ลูกสาวหัวแก้หัวแหวนของเธอ ซาร่าเป็นเด็กน่ารักและฉลาด
ในวันหนึ่งมารีพาซาร่าไปเดินเล่นในสนามเด็กเล่นใกล้ๆ ในขณะที่เธอกำลังคุยกับเพื่อนบ้านนั้น ซาร่าได้หายตัวไป แต่ในที่สุดก็หาตัวเธอจนพบ แต่ด้วยเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้มารีตัดสินใจพาซาร่าไปไปที่บริษัท ArkAngle ซึ่งเป็นบริษัทสุดล้ำ Hi-Tech โดยมีนวัตกรรมที่เราสามารถคอยสอดส้องและควบคุมการมองเห็น การได้ยินของลูกเราได้ ไม่ว่าจะเป็นมองเห็นว่าลูกเราพบเจอกับอะไรอยู่, การควบคุมประสาทการมองเห็นและการรับฟังจากสื่อที่ล่อแหลมอย่างภาพโป๊หรือความรุนแรงเป็นต้น และหลังจากที่มารีตัดสินใจแบบนั้น ชีวิตของเธอและลูกก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
ส่วนตัวเราค่อนข้างชอบตอนนี้เลยทีเดียว เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงการรักลูกที่บางครั้งเรามีให้เขามากจนเกินไป การรักและต้องการให้ลูกได้เจอสิ่งที่ดีถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ทว่าการควบคุมและกดสัญชาตญาณหรือแม้กระทั่งการขีดกรอบประสบการณ์การเรียนรู้ของพวกเขา ไม่ใช่เรื่องที่ดี
Episode 5: Striking Vipers (คลิกเพื่อรับชม)
Season: 5
Time: 61
และตอนสุดท้ายบอกเลยว่าเป็นตอนที่ฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียวตอนเปิดตัว ด้วยฉาก 18+ อันร้อนแรงแต่แฝงไปด้วยข้อคิดต่างๆ มากมาย ตอนนี้พูดถึงเรื่องราวของชายหนุ่มสองคนที่เป็นเพื่อนรักกัน และมีความชอบเหมือนกันคือเล่น VDO เกมเหมือนกัน ด้วยวันเวลาผ่านไป ต่างคนต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิต
แต่มาวันหนึ่งเขาทั้งคู่ได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้งในงานวันเกิด และเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้น เมื่อของขวัญวันเกิดนั้นเป็นแผ่นเกมที่ทั้งคู่ชอบเล่น ส่วนตัวเรามองว่าตอนนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดี นวัตกรรมต่างๆ ที่ใช้นำเสนอเรื่องราวทำออกมาก็เจ๋งสุดยอด และที่สำคัญเรามองว่า ถ้าใครไม่ได้เล่นเกมออนไลน์ หรือไม่ใช่สายเกมเมอร์ก็จะไม่ค่อยอินกับตอนนี้เท่าไร แต่สิ่งที่หนังต้องการสะท้อนให้เราได้เห็นนั้น ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว ตัวเนื้อเรื่องเองก็ดูเพลิน ไม่สะดุดและน่าเบื่อเลยก็ว่าได้
Photo Credit:
Stay connected