หากพูดถึง ภาพยนตร์อนิเมชั่น แล้วหลายคนคงนึกถึง Pixar Studio หรือไม่ก็อีกหลายๆ ค่ายจากทางยุโรป แต่จะว่าไปญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นต้นฉบับการ์ตูนหรือมังงะที่เราคุ้นชินกันอีกเป็นอย่างดี รวมถึงภาพยนตร์อนิเมชั่นด้วยเช่นกัน และคงนึกถึงใครไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ Ghibli Studio และเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คอแฟนคลับอย่าง NETFLIX และ Ghibli Studio อย่างเราไม่ควรพลาดคือ NETFLIX ซื้อลิขสิทธิ์หนังจาก Ghibli มา Stream เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนำมาฉายทั้งหมด 21 เรื่องได้แก่
เข้าในเดือนกุมภาพันธ์: Castle in the Sky (1986), My Neighbor Totoro (1988), Kiki’s Delivery Service (1989), Only Yesterday (1991), Porco Rosso (1992), Ocean Waves (1993), Tales from Earthsea (2006)
เข้าในเดือนมีนาคม: Nausicaä of the Valley of the Wind (1984), Princess Mononoke (1997), My Neighbors the Yamadas (1999), Spirited Away (2001), The Cat Returns (2002),Arrietty (2010), The Tale of The Princess Kaguya (2013)
เข้าในเดือนเมษายน: Pom Poko (1994), Whisper of the Heart (1995),
Howl’s Moving Castle (2004), Ponyo on the Cliff by the Sea (2008), From Up on Poppy Hill (2011), The Wind Rises (2013), When Marnie Was There (2014)
มารู้จักเรื่องย่อของ 5 ภาพยนตร์อนิเมชั่น จาก จิบลิสตูดิโอ กัน
วันนี้ Clubsister จะพาทุกคนไปรู้จักเรื่องย่อและความสนุกของ “5 ภาพยนตร์อนิเมชั่น ขวัญใจคนไทย จาก จิบลิสตูดิโอ” กัน ต้องขอบอกเลยว่าทั้ง 5 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่การันตีรางวัลต่างๆ มากมาย รวมถึงถ่ายทอดเรื่องราวที่กินใจและเข้าถึงอารมณ์คนดูเป็นที่สุด แต่ก่อนที่เราจะเริ่มไปบรรยายรีวิวต่างๆ เราขอบเล่าประวัติและความเป็นมาของ Ghibli Studio ให้สาวๆ ทั้งหลายได้รู้จักกันคร่าวๆ ก่อนซักนิด
Ghibli Studio หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ Kabushiki-gaisha Sutajio Jiburi ก่อตั้งโดย
ฮายาโอะ มิยาซากิ พร้อมเพื่อนร่วมทีมอีกคนคือ อิซาโอะ ทากาฮาตะ รวมถึง โทชิโอะ ซูซึกิ ผู้จัดการและบริการงานต่างๆ โดยคำว่า Ghibli นั้นเป็นชื่อของเครื่องบินตรวจการณ์ของประเทศอิตาลีที่ใช้ในงานราชการสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแปลเป็นภาษาลีเบียน ก็จะแปลว่า
“ลมที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮารา” ดังนั้น Ghibli Studio จึงเปรียบเสมือนคลื่นลูกใหม่ที่นำกระแสและสิ่งต่างๆ มาสู่วงการภาพยนตร์อนิเมชั่นนั่นเอง เอาละ! สาวๆ เพื่อนๆ ก็ได้รู้จักประวัติและความเป็นมาอย่างคร่าวๆ กันแล้ว งั้นเรามาเริ่มที่ภาพยนตร์อนิเมชั่นขวัญใจมหาชนเรื่องแรกกันเลย
เรื่องที่ 1: Spirited Away
กำกับโดย: ฮายาโอะ มิยาซากิ
ต้องบอกเลยว่าหากพูดถึงภาพยนตร์จากสตูดิโอจิบลิแล้วนั่น ต้องพูดถึงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เพราะ Spirited Away เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
เป็นเรื่องราวของเด็ก จิฮิโระ อายุ 10 ปี มีนิสัยเอาแต่ใจและหัวดื้อ กำลังเดินทางย้ายบ้านไปต่างเมืองพร้อมกับพ่อแม่ แต่ในขณะที่เดินทางก็บังเอิญเจอเข้ากับอุโมงค์ลึกลับ ที่มีรูปปั้นตั้งอยู่ ทำให้ไม่สามารถขับรถผ่านเข้าไปได้ ดังนั้นครอบครัวของเธอจึงตัดสินใจเดินรอดผ่านอุโมงค์นั้นดู แต่ทว่าปลายทางที่เจอนั้นกลับเป็นเมืองลึกลับ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน แถมพ่อแม่ของเธอดันมากลายเป็นหมู ทำให้ตกใจหาทางออกไปจากเมืองนี้ และในขณะเดียวกันเธอได้รับการช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มน่าตาดีที่ชื่อว่า ฮากุ และแล้วเรื่องราวการผจญถัยของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
Spirited Away เป็นภาพยนตร์อนิเมั่นที่คว้ารางวัลไม่ต่ำกว่า 10 รางวัลทั่วโลก อีกทั้งยังชนะ
ออสก้า ปี 75 สาขารางวัลภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยมอีกด้วย หากใครที่เคยดูภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้แล้วละก็ จะต้องเห็นรายละเอียดต่างๆ ของเมืองที่ตัวเอกอย่างจิฮิโระ ได้เข้าไป เราจะบอกว่าเมืองนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมือง จิ่วเฟิ้น ประเทศไต้หวัน ที่เป็นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโคมแดง แต่ความสนุกของเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวการผจญภัยของจิฮิโระเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากถอดความและวิเคราะห์ลึกลงไปภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอนิเมชั่นที่เหมาะกับเด็กที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ (Coming of Age) และ สะท้อนสังคมแวดล้อม รวมถึงวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นในยุคนั้นเป็นที่สุด
เรื่องที่ 2: My Neigbhor Totoro
กำกับโดย: ฮายาโอะ มิยาซากิ
อีกหนึ่งสิ่งที่ใครๆ พูดถึงหรือนึกถึง Ghibli Studio นั้นจะนึกถึงโลโก้รูป Totoro สัญลักษณ์ประจำตัวของ Ghibli Studio โดยเรื่อง My Neigbhor Totoro ที่พูดถึง ซัทสุกิ และ เมย์ สองพี่น้องที่ย้ายบ้านจากเมืองใหญ่มาอยู่ชนบทเล็กๆ พร้อมกับคุณพ่อของเขาที่เป็นอาจารย์วิทยาลัย เหตุผลที่ย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะ จะได้ดูแลคุณแม่ที่ป่วยอยู่ใน รพ. แต่แล้ววันหนึ่ง
ขณะที่เมย์เที่ยวเล่นอยู่แถวบ้านของเธอก็บังเอิญเจอโพรงใหม่ยักษ์และเจอกับภูติเทพพิทักษ์แห่งป่า อย่าง “โทโทโร่” และแล้วเรื่องราวความสนุก การผจญภัยสุดน่ารักของสองพี่น้องก็เริ่มต้นขึ้น
สิ่งที่เราชอบของหนังเรื่องนี้เลยคือ การสอนพร้อมปลูกฝังเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ เพื่อให้รู้ถึงความใส่ใจกับป่าไม้ ต้นน้ำ ลำธาร โดยสอดแทรกไปกับเหตุการณ์ต่างๆ
ที่ซัทสุกิ และ เมย์ได้เจอ ประโยคจากหนังที่เราชอบมากที่สุดเลยของเรื่องนี้คือ “มนุษย์กับต้นไม้เคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” เพราะประโยคนี้เลยทำให้เราได้รู้ว่ามนุษย์อยู่ได้เพราะต้นไม้ และต้นไม้จะเติบโตต่อไปได้ก็ต้องใช้ความร่วมมือจากมนุษย์เช่นกัน
เรื่องที่ 3: Grave of Fireflies
กำกับโดย: อิซาโอะ ทากาฮาตะ
Grave of Fireflies หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีในชื่อ “สุสานหิงห้อย” เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องหนึ่งที่ไม่ใช่ผลงานการกำกับของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่มีชื่อเสียงและได้รับคำชมกระฉ่อนไปทั่วโลก โดยพูดถึงเรื่องราวของ เซตะ เด็กหนุ่มวัย 14 ปี และ เซ็ทซึโกะ วัย 5 ขวบ ผู้กำพร้าแม่จากสงครามโลกครั้งที่สอง ณ ตอนนั้น จนทำให้ต้องอาศัยอยู่กับป้าผู้เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองทำให้พี่น้องทั้งสองต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เผชิญกับความเห็นแต่ตัวของมนุษย์ และนั่นทำให้เขาตัดสินใจจูงมือน้องสาวของเขา เดินออกจากบ้านของป้าเพื่อใช้ชีวิตของตนเองโดยปราศจากแรงกดดันและความอึดอัดใจ แต่ด้วยสถาการณ์ต่างๆ ที่ไม่เป็นใจทั้งแรงประทุจากสงคราม เศรษฐกิจที่กำลังจะล้มสลายไปพร้อมกับ
จิตใจของคน ทำให้ความฝันที่เซตะนั่นไม่เป็นดั่งฝัน
จากเรื่องย่อที่กล่าวไปนั่นหลายคนคงสงสัยว่า เอ๋…ก็ดูไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเท่าไร แต่ทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงมีชื่อเสียงในระดับโลก อีกทั้งยังติดอันดับต้นๆ ของภาพยนตร์ที่ชวนเศร้าที่สุดด้วย (ถึงขั้นมี Youtuber ถ่าย Reaction ตนเองระหว่างดูด้วยนะ) สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเสน่ห์มากกว่าเรื่องไหนๆ นั่นเป็นเพราะการถ่ายทอดความรู้สึก รวมถึงอารมณ์ของตัวละคร ให้สะท้อนเห็นถึงผลกระทบที่มีสงคราม ผ่านแววตาและเรื่องราวความเป็นอยู่ของตัวละครทั้งสองตน แต่ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น คือเทคนิคการกกับและอัดเสียงของเรื่องนี้ ซึ่งโดยปกติการอัดเสียงภาพยนตร์นั้นจะต้องมีการเขียนบทและกำกับภาพเรียบร้อยก่อน ถึงค่อยดำเนินการอัดเสียง แต่สำหรับเรื่องนี้ อิซาโอะ ได้ให้ทีมพากษ์นั้น พากษ์เสียงและประโยคพูดของตัวละครก่อน และค่อยกำกับภาพตามเสียงพูดทีหลัง และนั่นเองอาจจะเป็นเทคนิคที่ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ ซึ้งกินใจ มากกว่าเรื่องไหนๆ
ปล. Grave of Fireflies เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องเดียวที่ไม่ได้เข้าฉายบน NETFLIX นะคะ
เรื่องที่ 4: Ponyo
กำกับโดย: ฮายาโอะ มิยาซากิ
ผ่านเรื่องเครียดๆ กันไปแล้ว มาเจอกันภาพยนตร์เบาสมอง ผสมความน่ารักที่ชวนสะกิดใจคนดูกับเรื่อง Ponyo โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย เป็นเรื่องราวของปลาทองตัวน้อยใต้สมุทร ธิดาของเจ้าสมุทร ที่หนีบ้านมาเที่ยวเล่น จนทำให้พลัดหลงมาเกยตื้น จนพบกับเด็กชายวัย 5 ขวบนามว่า ซาซึเกะ ผู้ซึ่งช่วยชีวิตเธอเอาไว้ พร้อมทั้งดูแลเธอเป็นอย่างดี ด้วยความประทับนี้ก่อเกิดเป็นความรักเล็กๆ ของปลาทองและมนุษย์ ทำให้เธอตัดสินใจอยากเป็นมนุษย์ เพื่ออยู่กับคนที่รัก แต่เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้โลกเกิดซึนามิและเมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้น้ำ
จะบอกว่า โปเนียวเป็นภาพยนตร์จากจิบลิอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราหลงรักตัวละครอย่าง โปเนียว จนถึงทุกวันนี้ เพราะด้วยความน่ารัก ใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอ แต่สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการบอกกับเราแล้วคงหนีไม่พ้นการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของคนและมหาสมุทร ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของโลก อีกทั้งยังสอนให้คนเรารักตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน
รวมถึงใส่ใจคนรอบข้างอีกด้วย
เรื่องที่ 5: Only Yesterday
กำกับโดย: อิซาโอะ ทากาฮาตะ
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นผลงานกำกับของ อิซาโอะ ทากาฮาตะ และด้วยเอกลักษณ์การกำกับของเขาทำให้ Only Yesterday หรือ ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกดัดแปลงมาจากมังงะที่ใช้ชื่อเดียวกัน และถือว่าเป็นภายนตร์อนิเมชั่นเรื่องแรกๆ ที่เป็นแนว progressive animation หรือ ภาพยนตร์ที่เน้นความสมจริงในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังทำเงินไปไม่น้อยอีกด้วย
Only Yesterday หรือ ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง นั้นเป็นเรื่องราวของ ทาเอโกะ พนักงานบริษัทอายุ 27 ปี ที่ทำงานในเมืองหลวงอย่างโตเกียว ลาพักร้อนเพื่อไปใช้ชีวิตชนบทกับวิถีเกษตรกรที่จังหวัดจังหวัดยะมะงะตะ ในขณะที่เธอเดินทางและใช้ชีวิตสาวชาวไร้ชั่วคราวอยู่นั้น ภพเหตุการณ์ความทรงจำต่างๆ ในวัย 10 ขวบของเธอก็วนเวียนกลับมาทำให้เธอหยุดคิดเรื่องราวในวัยนั้นไม่ได้ สุดท้ายแล้วความสุขที่อยู่ตรงหน้าผนวกกับความทรงจำที่มี และเรื่องราวในอดีตตอนเด็กที่เธอยังหาคำตอบกับมันไม่ได้ เป็นเหมือนสิ่งที่ยืนยันเป้าหมายของเธอว่า “แท้จริงแล้ว สิ่งที่เธออยากได้มากที่สุดนั้น คืออะไรกันแน่”
และก็จบไปแล้วนะคะกับรีวิวแบบกระชับๆ ของ 5 ภาพยนตร์อนิเมชั่น จาก จิบลิสตูดิโอ ใครที่สนใจเรื่องไหน แนวไหนก็ลองดูกันได้เลย ส่วนใครที่มี NETFLIX อยู่ตอนนี้สามารถดูเรื่อง Only Yesterday กับ My Neigbhor Totoro ได้แล้วนะคะ ส่วนเรื่องอื่นๆ อาจจะต้องรอซักนิด
เอาเป็นว่าครั้งหน้าเราเจออะไรน่าสนใจ จะเอามาฝากเพื่อนๆ ชาว Clubsister กันอีกนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
– media.netflix.com
– th.wikipedia.org
– th.wikipedia.org
– metalbridges.com
ภาพเพิ่มเติม:
– www.theverge.com
– www.whats-on-netflix.com
– www.nytimes.com
– sites.google.com
– wallpapercave.com
Stay connected