บริษัทผลิตอนิเมะ และแอนิเมชันจากญี่ปุ่นที่โด่งดังทั่วโลก Studio Ghibli หลายคนคงเคยได้ดูการ์ตูนของบริษัทนี้กันมาบ้างแล้ว แล้วอาจจะได้เจอเรื่องที่ชอบ เรื่องที่ถูกใจกันมา แล้วอยากจะหาดูเพิ่ม แต่ก็โลเลว่าจะดูเรื่องไหนควรค่าแก่การดู วันนี้เราจะมาแนะนำ 8 การ์ตูนจิบลิ อนิเมะคุณภาพแน่นภาพสวย ถึงบางเรื่องผ่านมาเป็นกว่า 10 ปี แต่กลับมาดูเมื่อไหร่ก็สนุกทุกที จะมีเรื่องไหนบ้างนั้น เราไปดูกันเลยค่ะ
ตะลุยโลกการ์ตูน ! 8 การ์ตูนจิบลิ Ghibli studio ดูเมื่อไหร่ก็สนุก
1.My Neighbor Totoro (1988)
ภาพยนตร์เรื่องดังที่ไม่ว่าใครรู้จัก Ghibli ผ่านเรื่องนี้ โดยเล่าถึงเรื่องราวของเด็กสาวสองคือ “ซะสึกิ” และ “เมย์” ทั้งสองคนได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่กับพ่อซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในชนบทแสนห่างไกล ส่วนแม่ของพวกเธออาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะป่วย ในตอนนั้นด้วยความซุกซนของเมย์ ทำให้เมย์ได้พบกับ “โทโทโร่” โดยบังเอิญจนเกิดเป็นมิตรภาพ เนื้อเรื่องจะติดตามการเดินทางของพวกเขาไปสู่โลกแห่งวิญญาณที่มีชีวิตชีวา และน่ามหัศจรรย์ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ใครยังไม่เคยได้ดูหนังเครือ Ghibli ต้องดูเลยค่ะ แล้วจะตกหลงรักเจ้าโทโทโร่
2.The Secret World of Arrietty (2010)
ภาพยนตร์แฟนตาซีของ Ghibli ที่สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง The Borrowers ที่ผ่านการเขียนโดย Mary Norton ในปี 1952 อีกทั้งภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้ยังผ่านกำกับโดย ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ โดยเรื่องราวจะเกี่ยวกับโลกของมนุษย์ และโลกของคนตัวเล็กหรือมนุษย์ตัวจิ๋ว เริ่มต้นขึ้นโดยครอบครัวของ “อาริเอตี้” เธอเป็นเด็กหญิงอายุ 14 ปี พ่อ แม่ของเธอ และเธอได้แอบอาศัยอยู่บริเวณใต้ถุนของบ้านหลังหนึ่ง พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการหยิบยืมของกินของใช้จากบ้านหลังนี้ กฏลับของมนุษย์ตัวจิ๋วคือหากถูกมนุษย์พบเห็นจะต้องย้ายที่อยู่ทันที เพราะอาจจะเกิดอันตราย แต่อยู่มาวันหนึ่งอาริเอตี้ได้โดนมนุษย์เห็น ซึ่งเขาก็คือ “โช” เด็กชายอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นหลายชายของเจ้าของบ้าน
3.The Wind Rises (2013)
ภาพยนตร์ดราม่าเขียนบท และกำกับโดยฮายาโอะ มิยาซากิโดยได้รับแรงบันดาลใจจากชีวประวัติของวิศวกรอากาศยาน “จิโร่ โฮริโคชิ” พร้อมกับดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง “The Wind Has Risen” ของทัตสึโอะ โฮริเช่นเดียวกัน นวนิยายได้ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1936 – 19388 เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นในโตเกียวบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโตในปี 1923
เรื่องราวเกี่ยวกับ การตามล่าความฝันที่อยากจะเป็นนักบินของเด็กชาย จิโร โฮะริโกะชิ เด็กชายที่เติบโตในตระกูลที่พอมีฐานะ จนกระทั่งวันหนึ่งได้พบว่าตัวเองไม่เพียงต้องการแค่หยุดอยู่ตรงการเป็นนักบิน แต่อยากเป็นถึงวิศวกรเช่นเดียวกับ จีโอวานนี คาโปรนี วิศวกรเครื่องบินชาวเยอรมันชื่อก้องโลก ที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจทั้งหมดให้กับจิโรขณะนั้น เรื่องราวเดินทางผ่านวันเวลา จนกระทั่งจิโรเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาที่ตนสนใจ เหตุการณ์แผ่นดินไหวขณะที่จิโรเดินทางกลับไปเรียนก็ได้ชักนำให้เขาได้พบเจอกับเด็กสาว ลุกคุณหนูไม่ทราบบ้าน ซึ่งต่อมาเมื่อจิโรได้เข้าทำงานที่บริษัทมิตซูบิชิ เพื่อสร้างเครื่องบินตามใบสั่งซื้อให้รัฐบาล เขาก็ได้พบเจอเธออีกครั้ง จนนำมาซึ่งเรื่องราวความรัก และความฝันของชายหนุ่มที่พยายามรักษาทั้งสองสิ่งให้ไปด้วยกัน ท่ามกลางไฟสงครามที่ระอุขึ้น
4.Laputa: Castle in the Sky (1986)
หนึ่งในอนิเมะสุดคลาสสิก แนวผจญภัยแฟนตาซี เรื่องราวเกี่ยวกับ”ปาซู” เด็กหนุ่มผู้กำพร้าอาศัยอยู่ในเมืองที่โดดเด่นเรื่องอาชีพการทำเหมือง เมืองที่ดูทรุดโทรมท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจี เขาได้มาพบกับสาวน้อยชีต้าที่มีอดีตเป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองลอยฟ้านาม ‘Laputa (ลาพิวต้า)’ เด็กสาวที่ชื่อชีต้าจะห้อยคริสตัลอันหนึ่งติดตัวอยู่เสมอ ซึ่งเป็นที่มาให้เธอโดนตามล่าจากกลุ่มโจรสลัดโดล่าที่ต้องการชิง และครอบครองคริสตัลอันนี้ จนเธอพลัดตกจากเรือเหาะร่วงลงมาแต่ด้วยพลังบางอย่างของคริสตัลลึกลับอันนี้ทำให้เธอค่อย ๆ ลอยลงมา และปาซูเป็นคนพบเธอ และรับเธอเอาไว้ แต่แล้วโจรสลัดก็ยังไม่ราวี ทำให้ปาซูต้องพาชีต้าหนี และพยายามหาทางพาเธอกลับบ้าน เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องไปติดตาม
5.Pom poko (1994)
หนึ่งในผลงานกำกับที่โดดเด่นของอิซาโอะ ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าทานูกิที่แปลงกายเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแฝงปรัชญาและสะท้อนสังคมญี่ปุ่นเอาไว้พอสมควร แล้วยังสะท้อนเรื่องของเหล่าทานูกิที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมยุคใหม่ เรื่องนี้ยังเหมือนเป็นการแฝงไว้ถึงการเปลี่ยนผ่านของอะไรบางอย่างในจิบลิไปในตัวด้วยครับ เพราะนี่ยังเป็นผลงานของจิบลิเรื่องแรกที่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการสร้างงาน หลังจากใช้การวาดมือมาตลอด
อาจจะกล่าวได้ว่า Pom Poko คือผลงานที่สตูดิโอและตัวฮายาโอะ มิยาซากิ “ได้ยอมรับที่จะต้องเปลี่ยนแปลง” เป็นครั้งแรก แม้ว่าอาจจะไม่ได้ถึงขั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นการยอมรับการนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามาช่วยเพิ่มในการสร้างผลงานเพิ่มขึ้น
6.When Marnie was there (2014)
ผลงานเรื่องล่าสุดของจิบลิสตูดิโอ โดยได้ ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ การ์ตูนที่ได้รับการชื่นชมมากมาย แต่ฟีดแบคกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงกลายเป็นเรื่องสุดท้ายของ Gilbli โดยเรื่องราวเกี่ยวกับ อันนะ เด็กผู้หญิงที่ถูกส่งมาอยู่ในชนบทเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ โดยได้มาอยู่ในปราสาทในสไตล์ยุโรปแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอได้พบกับ มาร์นีย์ เด็กหญิงผมบลอนด์ปริศนา แล้วมิตรภาพของพวกเธอก็ได้ก่อตัวขึ้น ท่ามกลางปริศนาว่า แท้จริงแล้วมาร์นีย์คือใครกันแน่
7.From Up on Poppy Hills (2011)
สำหรับใครที่ชื่นชอบ เรื่อง Whisper of the Heart เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรดูต่อ โดนเนื้อเรื่องจะคล้าย ๆ กัน แต่มีการต่อยอดเรื่องให้น่าสนใจ โดยเรื่องราวเล่าในสมัยที่ญี่ปุ่นกำลังฟื้นฟูตัวเองจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปีในเรื่องจะตรงกับโอลิมปิกในปี 1964 ซึ่งญี่ปุ่นกำลังฟื้นฟูความภาคภูมิใจ และจิตสำนึกในชาติให้กลับมาใหม่ อุมิ เด็กหญิงผู้อาศัยอยู่กับป้า น้องสาว และเหล่าเด็กผู้หญิง ได้พบกับเด็กหนุ่ม ชุน ผู้ที่กระตือรือร้นในการรวมกลุ่มนักเรียนเพื่อประท้วงการทุบตึกชมรมของโรงเรียน แต่ปรากฏว่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มสาวทั้งสองกลับมีความเกี่ยวโยงอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น
8.Kiki Delivery Service (1989)
อีกหนึ่งเรื่องเด่นของ Ghibli studio คาแรคเตอร์นำโดดเด่นอย่าง “แม่มดน้อย กิกิ” ที่ทำให้หลายคนจดจำ จนนำมาสร้างเป็นละครเวที รวมถึงรีเมคในรูปแบบ Live Action เรื่องราวเกี่ยวกับ แม่มดน้อย กิกิ ที่ต้องเดินทางมาในเมืองแห่งหนึ่งเพื่อรับหน้าที่ในฐานะแม่มด นั่นคืองานส่งของ ด้วยการใช้ความสามารถด้านเวทมนต์ของเธอให้เป็นประโยชน์ในการขึ้นขี่ไม้กวาด แต่แล้วเธอก็พบว่าการได้มาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ ต่อให้มีพลังเวทมนต์ ก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้เสมอไป อีกทั้งการที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ก็ทำให้วันหนึ่งเธออาจจะไม่สามารถใช้เวทนต์ได้อีก
นี้ก็เป็น 8 การ์ตูนจิบลิ ที่เราคัดสรรแล้วว่าสนุก เต็มสิบไม่หัก เรื่องราวที่ต้องดูสักครั้ง.. ส่วนใครที่เคยดูอยู่แล้ว แต่อยากจะย้อนกลับไปดูอีกครั้งก็ไปดูสนุกเช่นเดิม ไม่มีเบื่อ
Photo Credit:
Source Credit:
Stay connected