เราพูดถึงปัญหาสิวกันบ่อยมาก ๆ เพราะสิวสามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัน แถมเกือบจะทุกจุดของร่างกายที่มีรูขุมขน อีกทั้งสิวก็มีหลายประเทศ ทั้งแบบที่ทำให้เราเจ็บ กับแบบที่ทำให้เรารำคาญ ซึ่งเมื่อพูดถึงสิวที่น่ารำคาญ ซิสเชื่อว่า “สิวหิน” เป็นสิวอีกหนึ่งประเภทที่สร้างปัญหากับน้องซิสมากเลยใช่ไหมคะ ดังนั้น เรามาหาคำตอบกันดีกว่าค่ะว่า มันเกิดจากอะไร แล้ว สิวหิน รักษาเองได้ไหม ทำยังไงหน้าถึงจะเรียบเนียน
สิวหิน รักษาเองได้ไหม ทำยังไงหน้าถึงเรียบเนียน
ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปรักษาสิวหิน เราต้องมาทำความรู้จักมันก่อนค่ะ ว่าสิวหินคืออะไร เกิดจากอะไร สามารถรักษาเองได้ไหม แล้วถ้ารักษาทางการแพทย์ต้องรักษาด้วยวิธีไหน ตามมาดูกันเลยค่ะ
สิวหิน คืออะไร ?
สิวหิน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า สิวข้าวสาร มีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 – 2 มิลลิเมตร ตื้น แข็ง คล้ายไข่มุกหรือเมล็ดข้าวสาร ส่วนใหญ่ขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม จมูก หรือเปลือกตา และเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย บางคนจะมีอาการคันด้วยนะ
ตามปกติแล้วสิวหินอาจหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ หรือไม่กี่เดือน แต่ถ้าเกิน 3 เดือนแล้วยังไม่หาย ควรไปปรึกษาแพทย์แล้วนะ
สิวหิน เกิดจากอะไร ?
ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัดของการเกิดสิวข้าวสารค่ะ แต่สิวหินมีหลายประเภทนะคะ แต่ละประเภทก็มีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนี้ค่ะ
- สิวหินปฐมภูมิ เกิดได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจากเส้นใยเคราตินที่ติดอยู่ใต้ผิวหนังสะสมจนเกิดเป็นสิว มักจะเกิดขึ้นบริเวณเปลือกตา หน้าผาก หรืออวัยวะเพศ และบริเวณรอยพับจมูกในเด็กเล็ก อาจหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่ก็มีเคสที่อยู่นานหลายเดือนเหมือนกัน
- สิวหินในวัยหนุ่มสาว อาจเกิดขึ้นจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น มะเร็งผิวหนังบางชนิด หรือความผิดปกติทางพันธุกรรมอื่น ๆ
- สิวหินชนิดแบนราบ เป็นสิวที่เจริญเติบโตมาจากการติดเชื้อจนกลายเป็นปื้นผิวหนัง และอาจเกี่ยวข้องกับโรคผิวหนังบางชนิด มักเป็นบริเวณหลังหู เปลือกตา แก้ม และกราม อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคน
- สิวหินชนิดบาดแผล เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ เช่น ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่น พุพอง เป็นแผลไฟไหม้รุนแรง หรือแผลจากการขัดถูเสียดสีซ้ำ ๆ และอาจรบกวนรูขุมขนและต่อมไขมันจนทำให้เกิดสิวหินได้บ่อยขึ้น สิวชนิดนี้มักเกิดขึ้นบริเวณหลังมือหรือนิ้วมือ
- สิวหินที่เกิดจากยา การใช้ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดสิวข้าวสารได้ เช่น ยาไฮโดรควิโนน ยาฟลูออโรยูราซิล หรือครีมสเตียรอยด์ เป็นต้น
รักษาสิวหินด้วยตัวเอง ทำยังไงได้บ้าง
ถ้าสิวหินเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ก็สามารถรักษาได้ด้วยตัวเองเหมือนกันนะคะ ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากการดูแลรักษาสิวทั่วไป ทำได้ดังนี้ค่ะ
- ลดการใช้เครื่องสำอาง เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งอุดตันบนใบหน้า นอกจากนี้ซิสยังต้องหยิบเครื่องสำอางแต่ละชิ้น มาดูส่วนประกอบด้วย ว่ามีสารต้องสงสัยตัวไหนบ้าง ที่ทำให้เกิดสารเคมีตกค้างบนผิวหน้า ก็ให้หยุดใช้ และหันไปใช้แบรนด์อื่นแทน
- ล้างหน้าให้สะอาด ด้วยน้ำอุ่นหรือสบู่เด็กอ่อนทุกวันแล้วซับหน้าให้แห้งอย่างอ่อนโยน สามารถใช้คลีนซิ่งหรือโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่ใช้เป็นประจำได้ ถ้าใช้แล้วไม่แพ้
- หลีกเลี่ยงการใช้ออยล์ หรือโลชั่น บนใบหน้า หลีกเลี่ยงครีมทุกชนิดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะนอกจากจะยิ่งไปเพิ่มความมันให้ผิวแล้ว ยังจะไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวหินง่ายอีกด้วย
- สครับผิวหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยต้องสครับเบา ๆ นะคะ จะได้ไม่รบกวนผิวหน้ามากเกินไป จนเกิดการระคายเคือง อาจใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรสครับ หรือสครับสูตรธรรมชาติ เช่น น้ำตาลทรายผสมกับน้ำผึ้ง ก็ได้ เพื่อผลัดเซลล์ผิว และขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนค่ะ
- ใช้โทนเนอร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว อาจจะเป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA ค่ะ เช็ดโทนเนอร์ทุกเช้า – เย็น หลังล้างหน้าเลยนะ จะได้เป็นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน จะทำให้สิวหินหลุดเร็วขึ้นค่ะ
- ใช้ยา เช่น ใช้ยาทาเรตินอยด์ เพื่อลดการแพร่กระจายของสิว หรือยามิโนไซคลีนเพื่อรักษาสิวข้าวสารชนิดแบนราบ
- กดสิวด้วยเข็ม จริง ๆ วิธีนี้แนะนำให้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยทำให้ดีกว่า เพราะเป็นการใช้เข็มเล็ก ๆ เจาะหัวสิว แล้วกด หรือเขี่ยหัวสิวออกมา ก็จะทำให้สิวหินออกไปอย่างรวดเร็วค่ะ
- แต้มด้วยปูนแดง เป็นวิธีแก้ปัญหาสิวชนิดนี้แบบพื้นบ้านมาก ๆ เพียงแค่ปูนแดงนำมาแต้มที่สิวทุกเช้าและเย็นทุกวัน ไม่ต้องนวดนะคะ ทาไว้เฉย ๆ แล้วก็รอเวลาให้หัวสิวหลุดออกมาเอง วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก ๆ กับหัวสิวตื้น ๆ ถ้าหัวลึก ๆ อาจต้องใช้เวลานานหน่อย
รักษาสิวหิน โดยพึ่งแพทย์
อย่างที่ซิสบอกข้างต้น ว่าสิวหินที่เป็นนานเกิน 3 เดือนแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป วิธีการรักษาเขาก็มีหลายวิธี ดังนี้ค่ะ
- จี้สิวหินด้วยกรด (TCA) ปกติจะใช้เป็นกรดไตรไตรคลออะซีติก โดยใช้ในปริมาณความเข้มข้น 50% ซึ่งสามารถจี้ให้ตุ่มเริ่มแบนราบได้ แต่แพทย์อาจต้องนัดมาทาบ่อยหน่อยค่ะอาจจะทุก ๆ 2 – 3 สัปดาห์
- จี้สิวหินด้วยความเย็น หรือที่เรียกว่าไนโตรเจนเหลวนั่นเองค่ะ เป็นการใช้ความเย็นจี้เพื่อทำลายตัวเนื้องอกสิวหิน ให้หลุดออกจากผิวหนัง
- จี้สิวหินด้วยเลเซอร์ วิธีนี้โดยปกติแพทย์จะใช้เป็นตัวคาร์บอนไดออกไซด์ เลเซอร์ (CO2 Laser) เพื่อทำลายและตัดสิวหินออก แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะ ซึ่งวิธีนี้อาจเกิดแผลเป็นน้อยกว่าวิธีอื่น แต่ว่าก็มีโอกาสที่สิวหินจะกลับมาได้เช่นกัน
- จี้สิวหินด้วยไฟฟ้า ก็คือใช้ไฟฟ้าในการทำลายและตัดสิวหินออก ให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับเลเซอร์ และต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำให้เท่านั้นนะคะ
- รักษาสิวหินด้วยการผ่าตัดเล็ก เป็นการใช้มีดผ่าตัดตัดเอาก้อนสิวหินออก แล้วค่อยเย็บแผล ใช้กับก้อนสิวหินที่มีขนาดใหญ่ และมีจำนวนไม่มาก เป็นการรักษาที่ให้ผลดี แต่มีโอกาสเกิดแผลเป็นจากรอยเย็บแผลได้
เอาละ เราได้รู้แล้วว่า สิวหินเกิดจากอะไร และรักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง ทั้งการรักษาด้วยตัวเอง และไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา ทีนี้ก็หวังว่า น้องซิสทุกจนจะมีผิวเรียบเนียน ไร้สิวหินกันถ้วนหน้าเลยนะคะ
Credit Information from www.eucerin.co.th, www.pobpad.com, www.lcclinics.com, www.julaherbshop.com
Credit Pictures from www.debonairhba.com, autogear.ru, beautyinsider.sg, www.allure.com, www.siamchemi.com, timesofindia.indiatimes.com, Pinterest : jerrysmine
Stay connected