ว่ากันว่าสเป็คของผู้ชายในอุดมคติของสาวๆแต่ละประเทศแตกต่างกันมาก ทั้งในเรื่องของสีผิว โครงหน้า รูปร่าง สีผม การแต่งตัว และเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ทำให้รสนิยมการชอบของสาวๆมีหลากหลายรูปแบบ แล้วชาว Clubsister อยากรู้มั้ยคะว่าสเป็คของสาวๆชาว American ตั้งแต่ 100 ปีที่แล้ว มีความเปลี่ยนแปลง มีความเป็นมาอย่างไร วันนี้ทาง Clubsister ขอยกเรื่อง สเป็คผู้ชาย American ที่สาวๆพร้อมใจกันโหวตตั้งแต่ 100 ปีที่แล้วมาให้ดูกันค่ะ มาดูกันว่าในแต่ละช่วงเวลา ผู้ชายแบบไหนที่ครองใจสาวๆมากที่สุด ถ้าพร้อมที่จะน้ำลายหกแล้วล่ะก็ ไปดูกันเลยจ้า!
ส่อง! สเป็คผู้ชาย american ในรอบ 100 ปี ที่ผ่านมา
1.ปี 1900’s
เป็นยุคเฟื่องฟูสำหรับการแสดงละครเงียบ ละครเวที และละครสัตว์ การโชว์กายกรรมต่างๆมักจะเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่มีกล้ามเนื้อแน่นๆมากมายเหมือนรูปปั้นกรีก เป็นแบบที่สาวๆในยุคนั้นคลั้งไคล้ หมายปองกันอย่างมากค่ะ ด้วยค่านิยมที่เห็นเป็นจำนวนมาก และความนิยมในเรื่องของศิลปะกำลังรุ่งเรือง ทำให้เสป็คของสาวๆชาวอเมริกันชอบหนุ่มๆกล้ามแขนปู แน่นๆแบบนี้เลย
โดยการแต่งตัวจะใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือค่อนข้างรัด เพื่อโชว์สัดส่วน คล้ายๆเสื้อผ้าสำหรับนักกีฬาเพาะกายในสมัยนี้
ทรงผมจะตัดสั้นให้ทั่วศรีษะ นิยมทำผมให้หยักโศกปาดน้ำมันให้เรียบติดหนังศรีษะไปเลย และที่นิยมมากๆในยุคนั้นคือการไว้หนวดแหลมๆ เป็นทรงที่ฮิตมากก หนวดจะยกตัวสูงมาด้านข้างจมูก จะถือเป็นอันน่าพึงพอใจ
การเซ็ตหนวดสมัยนั้นก็ทำค่อนข้างยากเลยทีเดียว ด้วยการหาวัตถุดิบมาใช้และการเร่งขนหนวดให้ยาวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หนุ่มๆจึงนิยมใช้ wax หรือขี้ผึ้งแบบแข็งพิเศษมาทาและเซ็ตทั้งผมและหนวดนั่นเองค่ะ
2.ปี 1910’s
ในช่วงปี 1900’s ของที่ American คือช่วงรุ่งเรืองในการล่าอนานิคมและการแสวงหาความรู้ หนุ่มๆที่เป็นที่คลั่งไคล้ของสาวๆต้องดูมีภูมิฐาน มีความรู้ สะอาด สุภาพเป็น gentle man นั่นเองค่ะ ยิ่งผู้ชายใส่สูทมีฐานะจะยิ่งเป็นที่หมายปองมากๆ ด้วยทรงผมปาดเจลเบาๆ ในสมัยนั้นนิยมเก็บผมให้เรียบเสมอกัน เพื่อที่เวลาใส่หมวกก็จะไม่ทำลายทรงผมที่เซ็ตตั้งแต่ตี 5 นั่นเอง
ในยุคนี้ผู้ชายจะไม่นิยมไว้หนวดเคราเฟิ้ม เนื่องจากเป็นค่านิยมจากการล่าอนานิคม คนที่ไว้หนวดเคราเฟิ้มจะถูกมองว่าเป็นคนไม่มีอันจะกิน เป็นคนป่า ไร้อารยธรรม ( แรงมากแม่ )
ซึ่งในยุคนี้การแต่งตัวจะค่อนข้างเนี๊ยบและมากขึ้นตอนเลยทีเดียวค่ะ ทั้งการตัดสูทการเลือกสีของเนคไทด์และการใส่หมวกอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ต้องบอกว่าไม่น้อยไปกว่าการแต่งตัวของสาวๆในสมัยนั้นเลยค่ะ
การเลือกตัดสูทจะมีหลากหลายประเภทเลยด้วยกัน เช่นสูทสำหรับไปงานเลี้ยง สูทสำหรับไปเล่นพนัน สูทสำหรับไปงานหลวงงานราช สูทสำหรับไปทำงาน จะมีดีเทลที่เยอะแยะมากมาย เช่นช่องกระเป๋า โทนสี การแนบดอกไม้ต่างๆ เป็นต้น
3.ปี 1930’s
ในช่วงปี 1930 สเป็คผู้ชาย american เป็นช่วงที่การแต่งตัวเริ่มดูสบาย ทะมัดทะแมงมากขึ้น จากที่เคยใส่สูทกับไทด์ให้ลุคดูทางการ ก็เริ่มหยิบไทด์กับสูทมาใส่ให้ดูง่าย และ usual เช่นการไปเดินห้างในวันอาการศเย็นๆ ก็จะเห็นหนุ่มๆแต่งตัวแบบในรูปนี้เยอะแยะมากมายค่ะ
อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากๆคือหมวก จากที่เคยใส่เฉพาะส่งสูง เหลี่ยมและสีดำ ก็เริ่มปรับเปลี่ยนให้หมวกเตี้ยลงและหมวกจะออกกลมๆมากขึ้น
การแต่งตัวจะเน้นไปที่โทนสีน้ำตาลซะส่วนใหญ่ในช่วงนี้ สาวๆเริ่มชอบลุคที่ดูสบายๆและน่ารัก ดูเข้าหาง่ายมากขึ้น นั่นเองค่ะ
แต่ในขณะเดียวกัน ลุคที่ดูเป็น Gentle men ก็ยังคงนิยมมากอยู่ดีค่ะ แต่จะเห็นได้ชัดเลยว่าลุคจะดูไม่ทางการมากนัก ผมจากที่เคยเก็บเรียบแปร้ ก็เริ่มจับลอน ทำให้ดูซอฟท์ลงและเทรนการไว้หนวดก็กลับมาเป็นที่นิยมในปี 1930 อีกด้วยค่ะ
4.ปี 1940’s
ในช่วงปี 1940 เป็นปีของสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเองค่ะ การแต่งตัว แฟชั่นต่างๆจึงค่อนข้างสะดุดและไปในแนวทาง ตามมีตามเกิด สำหรับเหล่าชายชาตรีที่เข้ารับใช้ชาติ ( แต่จะบอกว่าฝั่งผู้หญิงแฟชั่นคือไม่หยุดจีจี )
และด้วยความหนุ่มๆวัยกำลังสร้างตัวหรือมีอนาคตต้องออกไปรับใช้ชาติ เราจึงเห็นภาพของทหารหนุ่มเยอะแยะเต็มไปหมดใช่มั้ยคะ ซึ่งมันเลยก่อให้เกิดสเป็คใหม่ของสาวๆนั่นเอง
สไตล์ของหนุ่มอเมริกาที่ถึงแม้จะใส่องค์ทรงเครื่องชุดเต็มยศ ก็ยังสามารถทำให้การเป็นทหารมันดูเท่ห์ สมาร์ท ทำให้ใครๆก็อยากเป็น ด้วยการจับเอานักแสดงหน้าตาหล่อเหลามารับบทเป็นทหาร หรือจับใส่ชุดทหารแล้วถ่ายเอาไปเป็นโปสเตอร์ตามกำแพงเมือง
ซึ่งการแต่งตัวในช่วงปี 1940 ก็ไม่ยากเลยค่ะ แค่เน้นการแต่งตัวให้ดูสะอาด ทรงผมจะไม่สั้นมาก ตัดรองทรงธรรมดาและเซ็ตให้ปลายยุ่งๆเพราะไม่มีเวลาแต่งตัวมากมายนั่นเอง
หนวดต้องโกนให้เรียบแล้วอย่าลืมหมวกทหารด้วยนะคะ นี่คือสเป็คของสาวๆในช่วงสงครามนั่นเอง โดยสาวๆจะกรี๊ดหนุ่มๆที่ดูเข้มแข็ง เป็นชายชาตรี และมีความขี้เล่นเบาๆค่ะ
5.ปี 1950’s
หมดจากช่วงสงครามก็ต่อด้วยช่วงเวลาของปี 1950’s ที่สาวๆตามกรี๊ดจนหน้าแดง และคิดว่ายังคงเป็นสไตล์สุดคลาสสิคที่สาวๆในยุคนี้ก็ยังคงตามกรี๊ดกันอยู่
และนี่คือ Rock and Roll style นั่นเองค่ะ เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการเดินหน้าต่อของอเมริกาและหนุ่มสาวในช่วงข้าวยากหมากแพง จึงเกิดเป็นการรวมตัวของแก็งอันทพาลตามบ้านเมือง ที่คอยตามจี้ ปล้น และอหนึ่งเป็นแก็งที่คอยดูแลบ้านใกล้เรือนเคียงอีกด้วย ซึ่งการแต่งตัวของจิ๊กโก๋ในสมัยนั้นของอเมริกา ต้องบอกเลยว่าเทสดีมากๆ ในการเลือกหยิบเสื้อยืดลุ้ยๆ ย้วยๆ จับคู่กับกางเกงยีนส์หลวมๆและแจ็คเก็ตหนัง หรือยีนส์ สวมใส่รองเท้าบูทเพื่อการเดินทาง ขับรถ สะดวกมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่จะไม่พูดถึงยุคนี้นอกจากเพลงที่โดดเด่น สนุกสนานมากๆแล้ว ก็มองข้ามทรงผมที่แสนจะเป็นเอกลักษณ์นี้ไม่ได้เลยค่ะ การเซ็ตผมที่ยกให้เป็นหนึ่งแบบที่ทำยากมากๆ เนื่องจากพื้นฐานต้องมีผมค่อนข้างยาว และต้องใช้หวีกับเจลในการเซ็ต ซึ่งทาง Clubsister บอกเลยนะคะว่า มันยากมากๆเลย แล้วยิ่งในสมัยนั้นที่เครื่องมืออะไรไม่มากมาย ต้องยอมรับพี่ๆเค้าจริงๆนะคะ
เป็นยุคที่สามารถเรียกได้เลยว่า Bad boy is my apple juice !!
6.ปี 1960’s
เดินทางมาสู่ปี 1960 ที่การแต่งตัวของทั้งชายหนุ่มและสาวๆเปลี่ยนแปลงไปตามศิลปิน ที่อาจจะไม่ได้มาจากเฉพาะอเมริกาเท่านั้น แต่มาจากประเทศอังกฤษนั่นเองค่ะ ไอดอลชื่อดังที่ใครก็รู้จักและฟังเพลงของพวกเค้าเช่น The beatles , The Dave Clark Five หรือ the rolling stones
ทำให้สาวกที่คลั่งไคล้ต่างแต่งตัวตามพวกเค้า เกิดเป็นสไตล์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์มากๆ นั่นคือ Retro นั่นเอง ด้วยช่วงแรกๆการแต่งตัวแนว Retro จะเลือกใช้โทนสีเสื้อผ้าที่ค่อนข้างตุ่นๆ เป็นโทนน้ำตาล เขียวซะส่วนใหญ่ แต่ความสนุกและแฟชั่นของเหล่าหนุ่มสาวก็เริ่มฉีกรูปแบบเดิมๆ ไม่อยากตามผู้ดีอังกฤษมากเท่าไหร่ พอใส่ความเป็นอเมริกาเข้าไปขึงกลายเป็น Retro ที่มีสีสันสดใสนั่นเองค่ะ
และทรงผมที่เรียกได้ว่าปล่อยเซอร์ คือปล่อยยาวหรือตัดทรงบ๊อบน่ารัก ทั้งหญิงและชายเลย เน้นให้ผมปรกหน้า ยิ่งปรกหนาเท่าไหร่ยิ่งแนว ยิ่งเท่ห์
โดยปลายๆปี 1960 การแต่งตัวแนว retro เริ่มเพิ่มลูกเล่นต่างๆมาขึ้น เช่นการใส่กางเกงขาม้า การใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดมีแพทเทิร์นลานตามากขึ้น การใส่แว่นตาใหญ่ๆ ให้เต็มหน้า คือยิ่งใหญ่ ยิ่งเยอะคือดีมากสำหรับช่วงยุค retro นั่นเอง เพราะภาพยนต์ รูปถ่าย เริ่มมีการถ่ายแบบเห็นสีสันได้อย่างแพร่หลายแล้ว การใส่เสื้อผ้าสีๆ แต่งตัวสีจัดๆจึงเป็นทางเลือกที่เหล่าผู้คนที่อยากมีรูปสวยๆจะจัดเต็มกันอย่างที่เรียกว่า ไม่ยอม กันเลยทีเดียวค่ะ
7.ปี 1970’s
ในช่วงปี 1970 เป็นปีที่วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ เริ่มเหนื่อยและเบื่อสงครามเต็มทนแล้ว ไม่ว่าจะหลังจากสงครามโลก หรือสงครามเวียดนาม ทำให้คนในชาติอเมริกาเริ่มออกมาประท้วงและไม่สน หรือแคร์รัฐบาลรวมถึงผู้ใหญ่กันมากนัก หนึ่งในการแสดงออกคือการแต่งตัวและความประพฤติของพวกเขาค่ะ
คนในช่วง 1970 จะเริ่มไว้ผมรุงรัง หนวดเฟิ้ม ไม่โกน ไม่ดูแลเท่าไหร่ หรือถ้าเป็นวัยผู้ใหญ่ นักแสดง ก็จะเป็นดันลอน ไม่ก็ไว้ยาว หนา มากๆ วัยรุ่นจะปล่อยผมยาวทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย
เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่หลายๆคนรู้จักในนาม Hippy นั่นเองค่ะ โดยวัยรุ่นหนุ่มสาวในยุคนี้จะแสวงหาครอบครัว ความรักกันมากๆ โดยจะชอบออกไปชุมนุม ฟังเพลง ปาร์ตี้และทำเรื่องผิดกฎหมายบ่อยครั้ง การแต่งตัวก็จะเป็นการจับอะไรมั่วๆมาใส่โดยยังไม่ทิ้งโทนสี หรือลายผ้าจากยุค Intro เท่าไหร่
โดยในยุคนี้สาวๆจะกรี๊ดหนุ่มๆที่แต่งตัวสีสันสดใส ชัดเจน นำเทรน เช่นการใส่สร้อยลูกปัดหลากสี การใส่ที่คาดผม การใส่เสื้อคลุมและลุคเซอร์ๆที่ทำให้สาวๆยุคนั้นใจละลาย
เป็นช่วงที่เรียกได้ว่า street fashion ได้เริ่มกำเนิดขึ้นเพราะการลองผิดลองถูกของวัยรุ่นนี้แหล่ะค่ะ ทำให้เกิดการแต่งตัวหลากหลาย ไม่จำเจ มีไอเดียใหม่ๆเกิดขึ้นตลอด มีการ mix and match กันอย่างสนุกสนาน เวลาไปปาร์ตี้ก็มักจะเห็นคนหนุ่มสาวมากับการแต่งตัวที่หลากหลายมากขึ้นนั่นเอง
8.ปี 1980’s
เป็นอีกช่วงปีที่เรียกได้ว่าแฟชั่นได้เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว สำหรับช่วงยุค 80 จากที่สาวๆเคยไปกรี๊ดหนุ่ม hippy ตอนนี้มากรี๊ดต่อกับลุคหนุ่มนักกีฬา ขี้เล่น สุขภาพดี กันต่อ ยุค 80 เป็นยุคที่แฟชั่นและเทคโนโลยีใหม่ๆเริ่มเข้ามา ทำให้การแสดงออกของคนยุคนี้ค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะจากยุค 70
คนเริ่มสนใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น ออกกำลังกายและมีชุดออกกำลังกายวางขายเยอะมากมาย คิดว่าเพื่อนๆน่าจะเคยเห็นคลิปผู้ชายออกกำลังกายโดยใส่กางเกงวิ่งรัดติ้วใช่มั้ยคะ นั่นแหล่ะค่ะคือเทรนของช่วง 80
สิ่งที่วันรุ่นในยุคนี้นิยมออกไปทำกันคือ การไปเล่นเกมส์ตู้กับเพื่อนๆนั่นเอง การแต่งตัวเลยจะเปลี่ยนเป็นลุคชิวๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์กับผ้าใบง่ายๆ ไม่มีเครื่องประดับอะไรเพิ่มเติม
ยุคนี้เน้นการทำผมหยิกเช่นเคย แต่ส่วนของหนวดจะเบาลงมา ดูสะอาด น่ารักน่าหยิกมากขึ้น
9.ปี 1990’s
ยุค 90 เป็นยุคที่เรืองรองสำหรับหนุ่มๆหน้าหวาน ละมุน สดใส ด้วยความที่แนวกรันจ์เป็นที่นิยมมากๆในช่วงนั้น หนุ่มๆจึงนิยมกันแต่งตัวง่ายๆแต่ออกมาดูดี
เช่นการใส่เสื้อยืดวง เสื้อยืดสกรีนชื่อหนัง เกมส์ต่างๆ จับคู่กับยีนสืและรองเท้าผ้าใบ ง่ายๆเลยค่ะ อาจจะใส่เสื้อกันหนาวเพิ่มเลเยอร์ให้ดูไม่เยอะเกินไป วัยรุ่นในช่วงนี้นิยมออกจากบ้านไปเล่นเสก็ตบอร์ด เล่นเกมส์และไปฟังดนตรีกัน การแต่งตัวจะง่ายและทะมัดทะแม่ง เหมาะสำหรับ life style ในช่วงนั้นค่ะ
และทรงผมที่เป็นที่นิยมมากๆคือ ผมยาวแสรกกลาง แล้วจะนิยมเพิ่มตรงไฮไลท์สีทอง ซึ่งจริงๆแล้วเป็นทรงผมที่ปัจจุบันก็ยังทำกันอยู่หลายคนนะคะ
10. ปี 2000’s
ปี 2000 เป็นปีที่ไม่ได้มี style ตายตัวมากนักค่ะ เป็นช่วงที่คนแต่งตัวเรียบง่ายมากขึ้น แต่ก็ยังนิยมใส่สีสันสดใสอยู่บ้าง การทำผมในช่วงนี้ก็หลากหลายมากขึ้น ไม่มีทรงที่ฮิตเพียงแค่ทรงเดียวส่วนใหญ่จะปรับแต่งตามที่ตัวเองชอบ และเหมาะกับตัวเองนั่นเองค่ะ คนในยุค 2000 จะนิยมอยู่บ้านกันมากขึ้น หรือการ hangout ก็จะมีการแต่งตัวหลากหลายเช่นกัน
การแต่งกายในยุคนี้ของผู้ชายจะไม่ค่อยชัดเจนเท่ากับฝั่งของผู้หญิงนั่นเองค่ะ
และนี่คือ 100 ปีของแฟชั่นและหนุ่มๆของแต่ละช่วงที่สาวๆตามกรี๊ดรวมถึงหนุ่มๆเองก็นิยมแต่งกันเองด้วยค่ะเพื่อนๆชอบแนวไหนบ้างที่สุดอย่าลืมมาเม้นท์บอกกันด้วยน้า
Photo Credit: pinterest
Stay connected